Categories
Mumble

Be what you want to be

เป็นอะไรก็เป็นไป
เป็นอย่างที่ใจอยากเป็น

ถ้าไม่รู้ว่าใจอยากเป็นอะไร
ก็เป็นอย่างที่เป็นแล้วรู้สึกดี

ถ้าไม่รู้ว่ารู้สึกดีเป็นยังไง
ก็เป็นอย่างที่เป็นแล้วยิ้มได้

ถ้าไม่รู้ว่าเป็นแล้วยิ้มได้เป็นยังไง
ก็ให้เป็นอย่างที่…

โว้ว!
จะเป็นอะไรก็เป็นไปเหอะ
จะอึดอัดจะสนุกจะสดใสสบายใจหรือต้องร้องไห้ทุกวัน
แต่ถ้ายังอยากเป็นแบบนั้นอยู่ ยังไปไหนไม่ได้
ยังไม่สนใจจะเป็นอะไรอย่างอื่น
ก็เป็นไป

——————————————-

นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะน้องสาว
แต่ก่อนสนิทกับน้องชายเพราะโตมาด้วยกันแบบเพื่อน
เดี๋ยวนี้ห่างไปด้วยปัจจัยอะไรไม่รู้
(ขี้เกียจพยายามหาสาเหตุ ก็ปล่อยให้มันเป็นไป)

กลับมาเรื่องเก่า
รู้สึกว่าน้องสาวรักเรามาก มากกว่าที่เรารักเค้าซะอีก
ไม่ว่าเราจะเป็นยังไง ทำอะไร ผิดคำพูดกี่หน
น้องสาวจะเข้าใจเราเสมอ (หรืออย่างน้อยก็ทำให้เรารู้สึกว่าเค้าเข้าใจ)

เราว่าเราเป็นพี่ที่แย่ ถึงแย่มาก
น้องเราก็ยังแสดงออกว่ารักและคิดถึงตลอดไม่เปลี่ยน
เป็นแบบนี้มานาน… แล้วเราเปลี่ยนไปมั้ย เราทำตัวดีขึ้นมั้ย…
ก็เปล่า

เออ น้องมันยังทนได้เนาะ

จบเรื่องน้องดีพี่เลว (ฮ่าๆ)

อยู่มาวันหนึ่งน้องเราเป็นตัวของตัวเอง
แต่งตัวแนวอีโมร็อกหน่อยๆ
ที่ว่าหน่อยก็คือ มักจะใส่ยีนส์หรือขาสามส่วนกับเสื้อดำตราห่าน
ไม่มากกว่านี้ละ

อีกหน่อยคือ ตัดผมซอยกึ่งสั้นกึ่งยาว ทำสีผมทองทั้งหัว เซ็ตผมตั้งๆ
ทำมาก่อนแล้วค่อยบอกเตี่ยแม่
ทั้งที่ที่บ้านค่อนข้างหัวโบราณนะ
แต่น้องสาวแค่โดนบ่นๆ ขำๆ นิดเดียว ก็มันแก้อะไรไม่ได้แล้ว (นับเป็นวิธีที่ดี)

พอเป็นแบบนั้น แล้วเจ้าตัวผิวขาว ถึงจะอวบ ตัวใหญ่
แต่ก็มีสาวดี้มาชอบ ขอเบอร์ โทรมาคุยด้วยแก้เหงา
นับเป็นลูกที่ประสบความสำเร็จด้านเสน่ห์อย่างมาก
(เปลี่ยนเป็นอย่างมากที่สุดเมื่อเทียบกับพี่มัน!)

แรกๆ ก็อึกอัก เปล่านะหนูชอบผู้ชาย
ต่อมา …เค้าโทรมาก็คุยกะเค้าหน่อย แต่ที่จริงก็รำคาญแหละ …หนูชอบผู้ชาย

วันนึง หลังย้ายจากบ้านที่ศรีราชามาเรียนในกรุงเทพฯ มีพี่ทอมมาจีบ
ก็บอกไม่มีอะไร คุยด้วยเฉยๆ
สักพักออกไปกินข้าวด้วย มีคุยเขินๆ
เล่าให้เราฟังบ่อยขึ้น
เอ้อ แบบนี้พี่มันก็งงสิ

ให้คำแนะนำผิดๆ ถูกๆ อยู่พักนึง
มาหายงงวันที่เค้าบอกว่าเป็นแฟนกันแล้วนั่นแหละ

ตกลงน้องเราไม่ใช่ทอมนะว้อย
เป็นดี้ต่างหาก!

สาวๆ ที่มาจีบนั้นล้วนเข้าใจผิด มาผิดทาง
ดี้มาจีบดี้ มันจะเป็นไปได้ไงใช่มะ
ต้องพี่ทอมคนล่าสุดนี่ มาถูกทาง ฮ่าๆ

เราก็ไม่อะไร
คิดอยู่หน่อยๆ ว่า ถ้าเป็นคนอื่นมีน้อง เค้าจะต้องรู้สึกยังไง
แต่สำหรับเรามันธรรมดามาก
น้องเราจะเป็นแบบไหนก็ได้ อย่างที่เค้าอยากเป็น
เค้าจะบอกเราทุกเรื่องหรือไม่ก็ได้
เราเชื่อว่าต่างคนต่างมีเรื่องสำหรับคุยกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ไม่ว่าเราจะบ่นจะเตือนหรืออะไร
แต่เรามันใจว่าเราไม่เคยบอกให้น้องเราเลิกทำแบบนั้นแบบนี้
เป็นสิทธิส่วนตัวที่เราคิดว่าทุกคนควรได้ไปเต็มที่
ตัวเราเองก็ต้องการแบบนั้น

จบห้วนๆ.

ป.ล.
ถ้าน้องนิว (นามสมมติ) มาอ่าน
พี่แนน (นามสมมติ) ไม่ได้ตั้งใจเอาเรื่องหนูมาประจาน
แต่เอามาเป็นกรณีศึกษาเรื่องแนวคิดการใช้ชีวิตเน้อ
(ก็แก้ตัวกันไป ฮ่าๆ)

8 replies on “Be what you want to be”

เรื่องทอมทอมดี้ดี้นี้
ศาสตราจารย์สะแตฟานเบิร์ก ออฟ ฮัสเซลลิ้งค์ กุฟสตาฟาที่สิบเจ็ด เคยเขียนในตำราวิจัยเรื่องนี้เอาไว้ค่อนข้างน่าอ่าน

เค้าบอกว่าถ้าน้องอยากกลับใจ แต่กลัวการเปลี่ยนแปลงให้ลองติดต่อ อาจารย์ไรซิ่งดู ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ถ้าอายไม่เป็นไร แอ๊ด twitter มาคุยกันก่อนก็ได้ จะดีขึ้นเอง ยาเค้าแรง

@ Rising-Top:
ขออ่านเอกสารงานวิจัยต้นฉบับก่อนได้มะ
ได้ข่าวมาตงิดๆ ว่าอาจารย์ไรซิ่งนี่ไม่ค่อยน่าไว้ใจ
555

อ่านแล้วก็อมยิ้มอยู่ในใจ เห็นใจคนเป็นพี่
และเข้าใจคนเป็นน้อง อ่ะ!ต้องเห็นใจคน
เป็นน้องและเข้าใจคนเป็นพี่ซิ

ตัวผมเองก็เป็นพี่ที่มีน้อง แต่ไม่ค่อยจะคุย
กันเท่าไร เลยเป็น Priority ห่วยลากขาก…
มากสำหรับน้อง แต่ก็ทำให้เห็นว่าน้องเรา
ก็มีความเป็นตัวของตัวเองมากแค่ไหน กล้า
ตัดสินใจขนาดไหน จนจะเจอทางชันเข้าจริงๆ
ถึงได้มาปรึกษาพี่เสียที

บางเรื่องเป็นเรื่องที่น้องเขาต้องตัดสินใจเอง
มันเป็นสิทธิ์ส่วนตัว แต่ถ้ามันแรงกระทบความ
มั่นคงของครอบครัว เราคนพี่ก็คงต้องร่วมด้วย
ช่วยเคลียร์ บางเรื่องเคลียร์นาน บางเรื่องเคลียร์
ได้เร็ว ยังไงก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ว่า
ก็ฟัง เถียงกันพองาม แล้วก็จบลงด้วยดีครับ 🙂

@ ชายคลอง:
โอ้ ขอบคุณที่มาแบ่งเรื่องพี่ๆ น้องๆ ให้อ่านค่า
(เขียนเพิ่มได้อีกเอนทรี่นึงเลยนะเนี่ย ฮ่าๆ)

@ ศึกษาต่ออเมริกา:
เอ๋?
ไม่เป็นไรค่ะ ^^”

เป็นพี่ที่มีน้องชายเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้คุยกันซักเท่าไหร่
บางทีเห็นแล้วก็รำคาญบ้าง แต่อย่างว่าแหละ
ชีวิตใครก็ชีวิตมัน เอาเป็นว่าอย่าให้พ่อแม่เดือดร้อนก็แล้วกัน

แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ คนเป็นพี่ก็ยังเป็นพี่อยู่วันยังค่ำ
เป็นห่วงและคอยดูอยู่ห่างๆ
และพร้อมให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอ

“เราเชื่อว่าต่างคนต่างมีเรื่องสำหรับคุยกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน”

พี่ก็เชื่อแบบนั้นค่ะ…

แล้วอย่ามางอนให้เห็นนะแก….

อิอิ

ลักษณะน้องเค้าเหมือนน้องชายพี่เหมือนกันนะแหน๋น แต่ต่างกันที่ว่า น้องพี่มันเป็นเกย์

แต่อารมณ์จะละเอียดอ่อนเหมือนผู้หญิง

ยังคิดอยู่ว่าถ้าน้องพี่เป็นแมนร้อยเปอร์เซ็น

จะสนิทกับน้องมันอย่างที่ทุกวันนี้พี่สนิทไม๊ก็ไม่รู้

^^

Leave a Reply to ศึกษาต่ออเมริกา Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *