ความสามารถพิเศษของเราคือ
คิดมากในเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องคิด
แอบรู้สึกอย่างโน้นอย่างนี้กับใครได้มากมายโดยที่เจ้าตัวไม่เคยรู้
เช่น งอนคนที่แอบชอบ, เคืองคนที่แอบชอบ, ดีใจกับคนที่แอบชอบ
จนหายงอน หายเคือง หายดีใจ
แล้วเค้ารู้ตัวไหม?
ไม่เลย ไม่เคยรู้!
(อ๊ะ.. เหมือนว่าความรู้สึกจุกจิกแทบทุกอย่างเกิดบ่อยกับคนที่แอบชอบ -*-)
.
และอีกอย่าง
เราชอบเถียงกับตัวเอง
เถียงได้จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยอมจำนน
แต่ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหนนั้นไม่รู้
ไม่เคยมานั่งจำแนก
(แค่ไอ้ความสามารถทั้งปวงข้างบนนั่นก็คร่าเวลาชีวิตเราไปเกือบครึ่ง)
.
วันนี้ก็เถียง
แบบฝ่ายหนึ่งคิดเยอะ คิดมาก
แน่นอนว่ามันไม่จำเป็นต้องคิด
แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่เจ้าตัว (ผู้เกี่ยวข้องในความคิด) ไม่รู้
คิดจนเศร้า เหงา เซ็ง ถอนหายใจ
สารพัดอาการหน่ายโลกเอาออกมาใส่ตัวให้หมด
.
แล้วอีกฝ่ายหนึ่งก็ออกมาปราม
(เป็นฝ่ายเรียนรู้และเข้าใจโลก พยายามวางตัวให้รู้เท่าทันสิ่งที่คิดและรู้สึกอยู่เสมอ)
มีเรื่องที่เราไม่เข้าใจหลายอย่าง.. ถ้าวันนี้ปล่อยให้มันเป็นไป
พรุ่งนี้เราอาจจะไม่อยากเข้าใจ หรืออาจไม่จำเป็นต้องเข้าใจมันแล้วก็ได้…
มีเรื่องเศร้าเกิดขึ้นหลายเรื่อง ถ้าวันนี้เราปล่อยให้ตัวเองเศร้าไป
พรุ่งนี้เราอาจเข้าใจมันได้ และไม่มองว่ามันเป็นเรื่องเศร้าอีก…
ทั้งหมดนั้นเราเรียกมันเป็นประโยคสั้นๆ ว่า “Let it be” ได้ไหม?
.
โดนเบรกด้วยความ(พยายาม)เข้าใจโลกแบบนี้
มีหรือที่ฝ่ายช่างรู้สึกจะดื้อรั้น(ด้าน)อยู่
เราจึงจำเป็นต้องหยุดคิดมากด้วยประการทั้งปวง.
(แต่ก็ไม่วายฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อและแสดงออกผ่านเพลงที่ฟัง)
.
.
เอ้อ… สิ่งที่เราทั้งตัวเห็นตรงกันคือ
เราว่าการปล่อยให้ตัวเองเศร้าสักระยะ
ก็เป็นการให้เวลาในการทำความเข้าใจ และเป็นการบำบัดตัวเองอย่างหนึ่งนะ