กำแพง
กว้างสุดลูกหูลูกตา
สูงจนมองไม่เห็นยอด
หลังกำแพงมีอะไร
สนามหญ้ากว้างเขียวสด
สวนดอกไม้หลายสี
บ้านหลังเล็กน่าอยู่
ที่โล่งๆ กับโซฟาน่านอน
ห้องหนังสือห้องใหญ่
หรือว่างเปล่า
.
เรา ไม่รู้อะไร
เดินทางมาหยุดหน้ากำแพง
รู้สึกเป็นมิตร
เรามองดูและพยายามคิด
ถึงสิ่งที่ซ่อนไว้ด้านหลัง
พยายามหาความหมายที่มาของกำแพง
อ่านและทำความเข้าใจจากสิ่งที่พอจะเห็นได้ตรงนั้น
เจอหลายเรื่องวุ่นวาย
เรานั่งพิงกำแพง
สบายใจ
เหมือนได้ถ่ายเทเรื่องราวและรับพลังบางอย่างกลับมา
แม้ยังไม่ได้เห็นว่ามีอะไรอยู่ด้านหลัง
.
จนชั่วระยะเวลาหนึ่ง
เราคิดว่าเราเข้าใจ
เราคิดว่ากำแพงเข้าใจ
ต่างเข้าใจกันมากพอที่เราจะเข้าไปข้างในได้
เราเอ่ยปากออกไป
มีการเคลื่อนไหวที่ทำให้เราดีใจปนกังวล
รอ เรารอ
.
.
ไม่นาน
ประตูบานหนึ่งปรากฏตรงหน้า
เราลังเล
ตัดสินใจเปิดประตู
.
ไม่เห็นอะไร
ข้างในไม่ชัดเจน
เต็มไปด้วยหมอก หรือเต็มไปด้วยควัน
เราไม่แน่ใจ
กลับออกมายืนหน้ากำแพงเหมือนครั้งแรก
ไม่เข้าใจ
.
รออีกครั้ง
ประตูอีกบานค่อยๆ เปิดออก
คล้ายจะสื่อสารบางอย่าง
เราคิดว่ากำแพงอยากให้เราเข้าใจ
‘ความจริง’
.
เราไม่ลังเล เดินเข้าประตู
หมอกจางๆ ลอยมาปะทะใบหน้า
ลมพัดแผ่วเบา
เราพร้อมเผชิญความจริงนั้นแล้ว
.
ฉากสีขาวฉากหนึ่ง
ภาพเคลื่อนไหวเป็นเหตุการณ์มากมายฉายให้เราเห็น
บางภาพชัดเจนมาก
บางภาพจางเสียจนเราต้องเพ่งมองใกล้ๆ
บางครั้งเราต้องหยุดภาพนั้นไว้เพื่อทำความเข้าใจ
หลายครั้งที่ต้องย้อนกลับไปดูใหม่
รายละเอียดเยอะเหลือเกิน
แต่เราไม่แปลกใจ
เราคิดว่าเราเข้าใจได้
.
เราตั้งใจดู ตั้งใจฟัง
เนิ่นนาน
.
.
และในฉากหนึ่งก่อนจบสุดท้าย
เราเห็นเงาของคนหนึ่งคน
คนที่มีอิทธิพลต่อพื้นที่หลังกำแพง
คนที่ควรได้เข้าไปเห็นและสัมผัสสิ่งสวยงามหลังกำแพง
ก่อนเรา
.
ไม่ใช่เรา
.
เข้าใจแล้ว
‘ความจริง’ ที่ซ่อนอยู่
ที่มาของหมอกควันหลังประตูบานแรก
เราเข้าใจและเดินกลับออกมา
.
.
.
นั่งพิงกำแพงอย่างเดิม
พาตัวเองกลับสู่ความคุ้นเคยเดิมๆ
.
เราไม่เป็นไร
.
.
สำหรับตอนนี้
แค่ได้นั่งพิงกำแพงเราก็อุ่นใจมากแล้ว
.
.
ขอบคุณนะคุณ =)