เวลาที่เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น …
วิธีคิดให้สบายใจก็คือ …
คิดว่า โชคดีแล้วที่ไม่เจอยิ่งกว่านี้ …
ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดในแง่ลบ …
ยิ่งในช่วงที่จิตใจหล่นกระจัดกระจายไป …
ควรพยายามหาทางทำให้คำว่า ‘ไม่น่าเลย’ ค่อยๆ จางหาย …และจงรีบมีสติ เพื่อมาแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด …
แล้วเอาไว้ตอนว่างๆ ไม่มีอะไรทำ …
ค่อยมานั่งโทษตัวเองก็ได้ …
.
.
บล็อกสุดท้ายของวัน
ชื่อ-เนื้อหาตั้งต้นแบบเดียวกับของพี่ตรัย เป๊ะๆ
.
.
จะไม่ให้เหมือนได้ยังไง
ในเมื่อแนนใช้ ctrl+c และ ctrl+v
ลากมาทั้งดุ้นเลย
.
.
ไม่ได้อยากเป็นนักก๊อปปี้หรือคนขี้ลอก
แค่บังเอิญผ่านไปอ่านแล้วชอบ
รู้สึกเหมือนพี่ตรัยเขียนให้เรา? (แบบนี้น่าจะเรียกว่า หลงตัวเอง ปนเพ้อ บวกอาการเสียสติ)
เพราะเหตุการณ์ที่ทำให้ใจหล่น เพิ่งผ่านไปเมื่อวานนี้เอง..
.
.
.
ทบทวนอีกทีก็รู้สึก
ไม่แปลกที่ใครต่อใครผ่านไปอ่านแล้วจะคิดว่าพี่ตรัยเขียนให้
ก็มนุษย์โลกอยู่อย่างรื่นเริงสบายใจตลอดเวลากันซะเมื่อไหร่
ใครต่อใครก็มีเรื่องให้กลุ้ม มีเรื่องที่โดนแล้วเซ็ง มีเรื่องบ้าๆบอๆในชีวิตกันทั้งนั้น
พอโดนเข้ากับตัว พอรู้สึกว่ากำลังซวย กำลังแย่
ขั้นต่อมาคือตัวกับใจเรา
ต้องทำอะไรซักอย่างเืผื่อผ่านมันไปให้ได้
.
.
ครั้งที่ผ่านมาแนนเลือกให้ใจหล่นจากที่สูง กระแทกพื้นจนช้ำ
แม้จะไม่แตกแหลกละเอียด
แต่ก็ส่งผลกระทบกับร่างกายพอควร
.
.
.
วันนี้อ่านที่พี่ตรัยพิมพ์แล้วได้สติ
ขอบคุณนะ ขอบคุณ
(นอกจากพี่คนนี้แล้วยังมีพี่คนอื่นอีก -ขอบคุณอีกที นะคะ)










