Categories
Stuff

What Tarot Card are You?

You are The Wheel of Fortune

Good fortune and happiness but sometimes a species of
intoxication with success

The Wheel of Fortune is all about big things, luck, change, fortune. Almost always good fortune. You are lucky in all things that you do and happy with the things that come to you. Be careful that success does not go to your head however. Sometimes luck can change.

What Tarot Card are You?
Take the Test to Find Out.

thanks: phi.site

Categories
Reminder

Consciousness

ปั่นบอร์ดทีไร หาเรื่องตั้งใจพิมพ์จนเอามาเขียนบล็อกได้แทบทุกทีเลยแฮะ

วันนี้คุยกับเจ้าเดือนในเว็บฟอนต์
ได้โอกาสเตือนตัวเองไปด้วย

เดือนบ่นว่าอารมณ์เสีย
ระเบิดอารมณ์และทิฐิยังอยู่กับตัว

ขออนุญาตแอบอ้างคำพูดเดือน

รู้สึกทนไม่ได้กับเรื่องเล็กน้อย
อยู่ๆ ก็ทนไม่ได้ เพราะไม่อยู่ในอารมณ์จะทน

ระเบิดแล้วหนีมา แล้วก็รู้สึกผิด
สิ่งที่ตามมาหลังจากโทสะ คือทิฐิ

ไม่ดีเลยแฮะ
แต่ืทำไปแล้ว
และทิฐิก็ยังคงอยู่

.
.
.

ตอบเดือนไปแบบนี้

รู้ว่าทิฐิยังอยู่
เป็นขั้นแรกของสติละหละแก

ถ้ามันยังไม่หาย หรือมันจะไม่หายในเร็ววัน
ก็ให้รู้ตัว เท่านั้น

เราเป็นคนเฟ้ย
มีความรู้สึกได้ล้านแปด

.
.
.

อ่านที่เดือนบ่นตอนแรก
รู้สึกเลยว่า เออ เดือนโตแล้ว
คิดอะไร รู้สึกอะไร เดือนทันตัวเองหมดเลยนะ
ถ้าจะพูดตามหลัก (อะไรซักอย่าง) ขาดแค่การระงับสิ่งเหล่านั้น
อย่างที่พี่ติ๊กบอก

ต่อไปก็พยายามฝึกดับทิฐิ ลดอัตตา
ยากกว่า และใช้เวลา แต่ไม่เกินความพยายามถ้าตั้งใจจริง
แค่เปิดใจ แต่ถ้าสร้างปราการตั้งแต่ต้นว่าเราทำไม่ได้
ก็จะไม่มีวันที่เราจะทำมันได้

.
.
.

ส่วนตัวเราเอง ขณะนี้พึงพอใจแค่รู้ตัว ดึงสติกลับมาทันตัวเองว่าคิดว่ารู้สึกอะไรอยู่
ต่อไปจะให้เป็นแบบไหน ตามแต่ใจอยาก
ถ้ายังอยากเศร้าอยากเซ็งก็เป็นไป ไม่บังคับ
ถ้าอยากสนุก อยากยิ้มแล้ว ก็ช่วยกันหาทางออก (ช่วยกัน = ช่วยเหลือตัวเอง ปรึกษาตัวเอง)

อย่างวันนี้คุยกับตัวเอง
แกรู้สึกอะไรตอนนี้ รู้ตัวใช่มะว่าเป็นอะไร
เสียใจเหรอ
อือ เสียใจ มากด้วย, คุยกับใครดีวะ, ทำไงดีวะ, พลังหายหมดแล้ว
แค่ไม่กี่ประโยค แม่งทำให้เราถึงกับหมดแรงไม่อยากทำงาน
ที่จริงอยากเป็นยังไงล่ะ
อยากมีความสุข อยากอารมณ์ดีเปล่า

อยากสิแก

งั้นก็เสียใจให้หายก่อน
แล้วหาอะไรทำให้อารมณ์ดีขึ้น
.
.
.

เออ… พอให้อิสระตัวเองแล้วดีนะ
ไม่คาดหวัง ไม่ต้องเหนื่อย ให้โอกาสตัวเองได้รู้สึก
ให้พื้นที่ตัวเองได้แสดงอารมณ์
ยังไงเราก็เป็นคนปกติ หรือจะผิดปกติก็เป็นคนอยู่ดี
อารมณ์ทั้งหลายที่มี แปลว่าเรายังหายใจและได้ใช้ชีวิต.

.
.

————————————————————–
ขอบคุณเจ้าเดือน พี่ติ๊ก พี่เจน เจ๊นัท พี่ร่ม ที่มาช่วยกันยำประสบการณ์ (และบางคนมากวนประสาท) ในจู๋ระบายอารมณ์
ขอบคุณครูของชีวิตทุกคนที่ให้บทเรียนด้วยค่ะ

Categories
Delicious

Mud – อ่านแล้วติดหมัด!

ช่วงไปเชียงราย (26-28 ธันวา 51)
อย่างที่บอกว่าถ้ามีเวลาว่างนิดๆ หน่อยๆ จะหาหนังดู
ทีนี้ระหว่างรอดูหนังทำอะไร
ก็อ่านหนังสือในที่ๆ สบายใจจะนั่งอ่านหรือนอนอ่าน

หนล่าสุดนี่อ่าน “หมัด (Mud)” – วารสารการ์ตูนทางเลือก เล่ม 3-4


ตอนแรกพกเล่ม 4 ไปอย่างเดียว เพราะพลาดเล่ม 3
กะว่าคงหาซื้อไม่ได้แล้ว เพราะร้านหนังสือที่คุ้นเคยในละแวกประเทศลาดพร้าวไม่มี
ที่ไหนได้ ลองหาที่ร้านซีเอ็ดในบิ๊กซีเชียงราย เจออีกแน่ะ
เจอหนังสือดีๆ ในซีเอ็ดอีกตั้งหลายเล่ม แต่ตังค์น้อยเลยไม่ได้ซื้อหอบกลับมา
ชักจะชอบซีเอ็ดขึ้นมาแล้ว (แต่ก่อนเข้าแต่บีทูเอส)

อ๊ะ ต้องพูดถึงหมัดสิ -*-
การ์ตูนชูโรงในหมัด เห็นจะเป็น “ชิงช้า” ของคุณตั้ม – วิศุทธิ์ พรนิมิตร
ยิ่งอ่านยิ่งสนุก

ส่วนเรื่องอื่นๆ
น่าสนใจตรงที่เป็นนักเขียนหน้าใหม่ มีการ์ตูนเส้นสายใหม่ๆ มาให้อ่านเยอะ

ขาประจำของหมัดอีกคนคือ น้องแจมชิ
เป็นเด็กชายป.6 โรงเรียนรุ่งอรุณ
การ์ตูนน้องแจมชิแนวคิดดีมาก ดีจนไม่อยากเชื่อว่าอยู่ ป.6
เขียนถึงความคิด ความเข้าใจในโลกได้แบบ.. ผู้ใหญ่บางคนควรเก็บไปคิดตาม ทำตาม
ที่แย่หน่อยคือ ลายเส้นน้องแจมวุ่นวาย
เหมือนเป็นรอยขีดฆ่าเยอะๆ คนแก่อ่านแล้วปวดตาแน่ๆ
ใครที่ไม่ชินอาจจะอยากเปิดผ่านไปเลย (ตอนแรกแนนก็เปิดผ่านไปทำใจก่อน -*-)
แต่ถ้าลองเพ่งแล้วจะได้อ่านงานเจ๋งของเด็กไทยอีกเรื่อง

คอลัมน์อื่นๆ เพิ่มรสชาติ
ไปสัมภาษณ์คนโน้นคนนี้
อย่างเช่นคุณ Takehiko Inoue ผู้แต่ง Vagabond
วัยรุ่นทั้งชายหญิงที่ชอบแต่งคอสเพลย์ (เพลย์เยอร์)
กลุ่มคนรัก Blythe Doll

มีเรื่องสั้นแปลจากงานต่างประเทศ
ประวัติสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับศิลปะและการ์ตูน
โฆษณาขายของน่าซื้อของใต้ฝุ่น

มีให้เลือกอ่านเยอะดี
อย่างเช่นถ้าจะขี้ เรื่องนี้ยาวไป เอาเรื่องนั้นก่อนได้
หรือเวลาน้อยแต่ดันอยากอ่าน ก็เลือกเรื่องสั้นๆ ได้
ช่วงไหนอยากนั่งทอดหุ่ย (หน้าตาไอ้หุ่ยนี่เป็นยังไงไม่รู้)
ก็อ่านเรื่องยาวๆ

ชอบแฮะ
ทั้งหมดนี้ทำให้เราติดหมัด

—–

อย่างนึงที่ลืมคิด
คือหมัด เป็นวารสารการ์ตูนราย 3 เดือน
ขนาดประมาณA5 จำนวน 240 หน้า ราคาปกติเล่มละ 180 บาท
(ไม่นับขาประจำที่สั่งซื้อผ่านเว็บ –ได้ลดราคา15บาท เหลือ 165)
พี่แอน คอมเมนต์ว่าราคาสูงไป

ซื้อมา 4 เล่มไม่รู้สึกอะไร (1 ปีที่ผ่านมา หมัดออกสู่สายตาประชาชนรวม 4 เล่ม)
แต่พอคิดตามจริงๆ เออมันราคาสูงมากเนอะถ้าเทียบกับวารสารหรือนิตยสารอื่น
เฉลี่ยประมาณ 2 เท่ากว่าๆ แน่ะ
เด็กๆ วัยรุ่นที่ควรจะได้อ่านอาจจะพลาดโอกาสไปเพราะไม่มีกำลังซื้อ
(เอ๊ะ ซื้อของทำไมต้องใช้กำลัง!)

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างหมัดกับอื่นๆ คือ
ข้างในไม่มีโฆษณานอกจากของสำนักไต้ฝุ่นและเพื่อนสนิท เอาเข้าจริงก็นิดเดียว
(หรือแค่ยังไม่มี? –อันนี้ไม่ทราบจ้ะ ^^”)
นั่นหมายความว่าหมัดยุคแรกเริ่มต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง
ต่อไปถ้ามีโฆษณาเข้ามาบ้าง อาจจะราคาถูกลง
–กรณีอย่างนี้มันจะเป็นไปได้มั้ย ไอ้การมีโฆษณาเข้ามาแล้วลดราคาหนังสือลงเนี่ย

เอาเถอะ ถ้าราคาไม่ถูกลง…
เราคิดว่าน่าจะเอาหนังสือการ์ตูนแบบหมัดไปไว้ในห้องสมุดหรือที่อ่านหนังสือสาธารณะอื่นๆ บ้าง

เพราะในเล่มเดียวนี่มีหลายอย่างเหลือเกิน อย่างเช่นอะไรล่ะ
– การ์ตูนดี มีอะไรให้คิด
– ความรู้รอบตัว มีอะไรให้รู้
– โอกาสสำหรับใครก็ได้ที่อยากลองดีทางด้านงานเขียนการ์ตูน มีอะไรให้ฝึก ให้ตัดสินใจ ให้กล้าทำ ฯลฯ

.

.

กับการอ่านหนังสือเล่มนึงสำหรับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นหนังสือการ์ตูน… แค่นี้ก็เกินพอ

.

เฮ้ย! รู้สึกว่าต้องมี ป.ล.
ไม่ได้รับจ้างเขียนชื่นชมหนังสือ
อ่านแล้วชอบก็บอกชอบ เท่านั้น =>

ขอบคุณภาพประกอบจาก:
http://www.typhoonbooks.com/

Categories
Delicious

Happy Birthday in Chiang Rai

ไปทำงานจังหวัดอื่นแล้วมีเวลาว่างนิดๆ หน่อยๆ ถ้าไม่เดินเล่นในเมืองก็เข้าโรงหนัง
เมื่อ 26-28 ธันวาที่ผ่านมา เอาตัวเองไปแปะที่เชียงราย ที่พักอยู่ใกล้บขส. และไนท์บาร์ซ่า
วันแรกว่างค่อนวัน แต่ฝนตก เพราะฉะนั้นโปรแกรมที่ผุดขึ้นในใจจึงไม่เป็นอื่น

ถามราคาค่าเดินทางที่ควรจะเป็นจากพี่ในโรงแรม
–เรียกโรงแรม ที่จริงน่าจะเป็นเกสต์เฮาส์มากกว่า ขนาดย่อมแต่ตกแต่งสวยจนเราหลงรัก
ถามเพื่อความปลอดภัย ไม่โดนโก่งค่าเดินทางเนื่องจากเป็นคนต่างถิ่น (ที่เค้ามักจะเรียกว่า ราคานักท่องเที่ยว)
วิธีถามไปก่อนนี่ได้ผลทีเดียว เพราะถึงจุดหมายปุ๊บ เราเตรียมเงินได้พอดี เป็นธรรมกับทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ

เราจัดการนั่งตุ๊กตุ๊กไปบิ๊กซีเชียงราย เข้าโรงหนังธนาซีนีเพล็กซ์ตั้งแต่บ่าย
ตอนแรกจะฉาย 2 เรื่องควบในเอนทรี่เดียว เพราะดูในวันเดียวกัน
คือ Happy Birthday กับ 4 Romance (ฝัน หวาน อาย จูบ)
แต่พิมพ์ไปพิมพ์มา ยาวเกินควรไปหน่อย ตัดตอนเล่าเอาดีกว่า

เรื่องแรกที่ดู จำเวลาผิด คิดว่าเป็น 13.40 ที่จริงคือ 13.20
แล้วธนาซีนีเพล็กซ์นี่ โฆษณาไม่ได้มาเป็นกระบุงอย่างโรงหนังอื่นในเมืองหลวง
มีตัวอย่างหนังกับอื่นๆ คั่นนิดหน่อยไม่เกิน 15 นาทีเอง
เพราะฉะนั้นแนนจึงพลาดแฮปปี้เบิร์ธเดย์ท่อนแรกไปทั้งสิ้นประมาณ 5 นาที
เสียใจ~ แต่ทำอะไรไม่ได้ โก๊ะเองนี่หว่า

Happy Birthday
HBD poster

หนังสวย ภาพสวยมาก
โดยเฉพาะครึ่งแรก ทั้งบริบทรอบๆ ตัวละคร แสง โอ๊ย สวยหมด
มุมกล้องส่งความรู้สึกให้คนดูมีมุมมองแปลกดี –ชอบมุมแบบนี้ อธิบายไม่ถูกต้องดูเอง

น้ำตาไหลไปตั้งแต่ตอนดูตัวอย่าง
พอเข้าไปดูในโรงจริงๆ เรียกว่าทำใจไว้แล้ว น้ำตาเลยไม่ไหลออกมาตอนนั้น

ซีนกินใจจริงๆ สำหรับเรา เป็นช่วงบทสนทนาสองท่อนนี้
seen i'm inned
“แต่เภาตายไปแล้วนะเต็น”
“ขอของขวัญผมคืนได้ไหมครับ!!”

พระเอก รู้สึกเหมือนสติหลุดหน่อยๆ ช่วงหลังๆ
ด้วยความที่เศร้า เครียด หาทางออกไม่ได้ รอความหวังที่แทบไม่มีหวัง
สุดท้ายเลยทำ (ดูแลนางเอก) อย่างที่อยากทำถ้านางเอกมีชีวิตปกติ

คนที่จะทำแบบนี้ได้ต้องอดทนและรักจริง รักแบบ –รัก —ก็รัก —-ไม่มีเงื่อนไขอื่น

ช่วงสุดท้ายก่อนจบ
แปลงร่างอนันดาและแอมให้แก่ได้ค่อนข้างเนียน แต่ไม่ได้อารมณ์
รู้สึกว่าถ้าให้คนแก่จริงๆ มาแสดงแทน จะเป็นยังไงนะ คิดว่าน่าจะดีกว่า

และหนังสือท่องเที่ยวเล่มนั้นที่สุดท้ายก็สร้างการเปลื่ยนแปลงได้อย่างที่คนคู่นี้หวังไว้
ก็น่าตื้นตันและยินดี
ดี ดี ดี ดูแล้วรู้สึกดีแหละ แต่เราไม่ซาบซึ้งกับฉากส่งท้ายนี้เท่าไหร่
ชอบช่วงที่ทั้งคู่ได้ใช้เวลาแต่ละวันด้วยกันอย่างมีสติมากกว่า (*-*)/

สรุปว่า หนังพี่ออฟ พงษ์พัฒน์ ไม่ทำให้เราผิดหวัง (ตามดูตั้งแต่ Me Myself) \(*-*)/

เอ้อ…เพิ่งเคยเห็นโปสเตอร์นี้แฮะ เหมือนออกแบบมาช่วงแรกๆ แล้วไม่ได้ใช้

ขอบคุณภาพประกอบจาก:
http://www.thaicinema.org/
http://www.hbdmovie.com/

Categories
Reminder

love comes along with tear

น้องสาวคนหนึ่งจากประเทศพิษณุโลก
เข้ามาคอมเมนต์ใน Hi5:

“ความรักทำให้เรายิ้มและมีเสียงหัวเราะ
แต่รักก็มักจะพารอยน้ำตามาด้วยเสมอ”

ดูเหมือนความรักจะใจร้ายและนำพาแต่ความเศร้าสร้อย
ประโยคสั้นๆ ของน้องสาว ครั้งนี้เราไม่อาจปฏิเสธ
แต่ก็ไม่อยากให้มองรักในแง่ร้ายจนขยาด ไม่กล้ามีรัก
(ที่จริงน้องสาวเราก็เสนอมุมมองทั้งสองด้านนะ เพียงแต่ให้น้ำหนักกับด้านลบมาก)

เราอ่านและนิ่งคิดแวบหนึ่ง ตอบกลับไป:

น้ำตาก็เหมือนอวัยวะหนึ่งของชีวิตแหละ
ไม่ได้เอาออกมาใช้นานเดี๋ยวจะลืม
ให้มันไหลออกมาบ้าง หล่อลื่นหัวใจ