Categories
Reminder

เช้าวันหนึ่ง

เช้าวันหนึ่ง
ลืมตา รับรู้ว่ามีลมหายใจ มีงานที่ต้องทำ คิดถึง อยากคุย อยากเจอ และทำอย่างใจ

เช้าวันสอง สาม สี่ ห้า … ยี่สิบแปด ยี่สิบเก้า … หกสิบ …
เป็นเช่นวันหนึ่งนั้น

ยิ้ม..

หัวเราะ..

ร้องไห้..

สุข..

ทุกข์..

สนุก..

ทรมาน..

เจ็บปวด..

สบายใจ..

รู้สึกดี.. วนเวียนเรื่อยมา

เช้าวันนี้
ลืมตา รับรู้ว่ามีลมหายใจ มีงานที่ต้องทำ คิดถึง และหยุด

ไม่มาก
ขอหยุดเฉพาะวันนี้วันเดียวก่อน
ผลเป็นอย่างไรไว้พรุ่งนี้ค่อย หยุด กันใหม่

ถ้าบอกให้ตัวเองหยุด ได้ครั้งละหนึ่งวัน
เดี๋ยวเดียวคงครบสิบวัน
ไม่นานคงครบเดือน ครบปี

ขอให้วันนั้นมาถึงโดยไม่ทรมานนัก
ขอให้เราเข้มแข็ง
ให้ตัวและใจนิ่งได้อย่างนี้

เช้าวันหนึ่งข้างหน้า
ลืมตา รับรู้ว่ามีลมหายใจ มีงานที่ต้องทำ คิดถึง หยุด และยิ้ม

อนึ่ง–
ถ้าพอใจกับการได้คิดถึง จะทำให้เราเป็นนางเอก
ในอนาคตเราคงได้เป็นดาราดัง

เอวัง.

Categories
Delicious Reminder

Time and distance

With time and distance,
we were able to grow to see thing differently,
and our love become more mature.
The element of attachment had lessoned, allowing compassion and loving kindness to flower.
Separation did not destroy our love. It strengthened it.
-Thich Nhat Hanh-

[แปล]
ระยะทางและเวลาช่วยให้เราสามารถเติบโต
มองอะไรต่างๆ ด้วยสายตาใหม่ๆ
และความรักของเราก็มีวุฒิภาวะมากขึ้น
ธาตุความผูกพันน้อยลงไป เปิดโอกาสให้ความรักความเมตตาได้เบ่งบาน
การพรากจากไม่ได้ทำลายความรักของเรา
หากแต่ยิ่งทำให้ความรักนั้นมั่นคงขึ้น
-ติช นัท ฮันท์-

# # #

อ่านอย่างตั้งใจ เข้าใจ ซาบซึ้ง
เมื่อ 27 พฤษภา 52

ไม่ได้กำลังมีความรักที่สมหวัง
แต่เชื่อมั่นว่าหัวใจกำลังเรียนรู้-เติบโต
อย่างน้อยก็ในตอนนี้

Thanks to:
SEM calendar notebook 2009; Art of loving edition

Categories
Reminder

Love and pain

.

.

มันเจ็บปวดเมื่อเห็นคนที่เรารักไปมีความรักกับคนอื่น

แต่จะเจ็บปวดยิ่งกว่า ถ้าคนที่เรารักไม่มีความสุขเมื่ออยู่กับเรา

.

-unknown-

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

found in inanza daily diary B.E.2548 (A.D.2005)

Categories
Reminder

I cry.

เหนื่อย
ร้องไห้จนเหนื่อย จนจมูกตัน จนหายใจไม่ออก
ไม่รู้น้ำมูกน้ำตาไหลมาจากไหนนัก

หมดแรง
ร้องไห้ไปพูดไป
ระบาย โวยวาย ตัดพ้อ
สารพัดความคิดความรู้สึก

คิดถึง
ทรมาน

มันจะยังอยู่กับเราอีกสักพัก
ช้า เร็ว แค่ไหนไม่รู้
แต่มันจะอยู่ และค่อยๆ จางไป

กลัว
ความโดดเดี่ยว

เกลียดตัวเองที่ไม่ระวัง
ปล่อยให้ความรู้สึกควบคุมการกระทำ
ไม่หยุดทั้งที่ถึงเวลา

กับสิ่งที่เกิดขึ้น
ตัวเราเองมีสองด้าน
ด้านหนึ่งเข้มแข็ง เข้าใจ ไม่เป็นไร
รู้ว่าควรคิดควรทำอะไร หยุดความหมองเศร้าไว้ได้เป็นระยะๆ
เรียนรู้จากความผิดหวัง

อีกด้านคือสัญชาติญาณดิบ
อ่อนแอ เศร้า เสียใจ ร้องไห้ กรีดร้องในใจ
ไม่อยากคุมตัวเองทั้งความรู้สึกและการกระทำ
ไม่อยากคิดไม่อยากสนใจไม่อยากทำความเข้าใจอะไรทั้งนั้น
แค่อยากเป็นคนธรรมดาที่แสดงอารมณ์แท้จริงออกมา

ตัวเราทั้งสองด้านทำให้ปฏิกิริยาของเราต่างไปในสถานการณ์ต่าง
บอกไม่ได้ว่าช่วงไหนจะเป็นแบบไหน
พลังด้านไหนแข็งแกร่งกว่าก็ชนะและแสดงออกไปอย่างนั้น

.
.
.

นั่นคือเหตุที่เราร้องไห้จนเหนื่อยเมื่อคืนที่ผ่านมา
เราอ่อนแอ

.
.

ความบ้าก็คือ
คนที่ทำให้เราร้องไห้ กับคนที่อยู่ข้างๆ ปลอบเรา เข้าใจเราตลอดช่วงเวลา

เป็นคนเดียวกัน

.

ตลก
แต่เป็นไปแล้ว

.

.

.

ถึงคุณ
ความพิเศษของคุณอยู่ตรงนี้มั้ง

คุณทำให้เราเข้าใจว่าความปรารถนาดีที่แท้จริง มีอยู่
สิ่งที่คุณให้ ความพยายามช่วยเหลือ
พลังที่ส่งผ่านเสียงและสัมผัส
เราได้รับ และขอบคุณมาก

.

เราจะอดทนและพยายาม
อย่างที่คุณบอกว่าคุณจะพยายามในส่วนของคุณเช่นกัน

.

.

.

ในสถานการณ์ที่สองฝ่ายไม่สามารถหาข้อสรุป win-win ได้
ฝ่ายหนึ่งต้องยอมเป็นผู้กระทำ ฝ่ายหนึ่งต้องยอมเป็นผู้ถูกกระทำ

ความเจ็บปวดเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย
แต่ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องโหดร้าย
เพราะทั้งสองฝ่ายช่วยเยียวยากันและกันได้
.

เมื่อเป็นอย่างนั้น
.

มิตรภาพที่แท้จริงจึงเกิดขึ้น
และเราเป็นเพื่อนกัน
.

ประโยคสุดท้ายนี้เป็นทั้งคำบอก คำปลอบ คำตอกย้ำ แต่เป็นความรู้สึกจริง

.

.

.

.

.

ป.ล.
โพสต์นี้ตั้งใจโวยวายเวิ่นเว้อประกาศความจิตตก
ไปๆ มาๆ มันกลายพันธุ์ได้ไงไม่รู้

Categories
Reminder

Behind the wall

กำแพง
กว้างสุดลูกหูลูกตา
สูงจนมองไม่เห็นยอด

หลังกำแพงมีอะไร
สนามหญ้ากว้างเขียวสด
สวนดอกไม้หลายสี
บ้านหลังเล็กน่าอยู่
ที่โล่งๆ กับโซฟาน่านอน
ห้องหนังสือห้องใหญ่

หรือว่างเปล่า

.

เรา ไม่รู้อะไร
เดินทางมาหยุดหน้ากำแพง
รู้สึกเป็นมิตร

เรามองดูและพยายามคิด
ถึงสิ่งที่ซ่อนไว้ด้านหลัง
พยายามหาความหมายที่มาของกำแพง
อ่านและทำความเข้าใจจากสิ่งที่พอจะเห็นได้ตรงนั้น

เจอหลายเรื่องวุ่นวาย
เรานั่งพิงกำแพง
สบายใจ

เหมือนได้ถ่ายเทเรื่องราวและรับพลังบางอย่างกลับมา
แม้ยังไม่ได้เห็นว่ามีอะไรอยู่ด้านหลัง

.

จนชั่วระยะเวลาหนึ่ง
เราคิดว่าเราเข้าใจ
เราคิดว่ากำแพงเข้าใจ
ต่างเข้าใจกันมากพอที่เราจะเข้าไปข้างในได้

เราเอ่ยปากออกไป
มีการเคลื่อนไหวที่ทำให้เราดีใจปนกังวล

รอ เรารอ

.

.

ไม่นาน
ประตูบานหนึ่งปรากฏตรงหน้า
เราลังเล

ตัดสินใจเปิดประตู

.

ไม่เห็นอะไร
ข้างในไม่ชัดเจน
เต็มไปด้วยหมอก หรือเต็มไปด้วยควัน
เราไม่แน่ใจ

กลับออกมายืนหน้ากำแพงเหมือนครั้งแรก
ไม่เข้าใจ

.

รออีกครั้ง

ประตูอีกบานค่อยๆ เปิดออก
คล้ายจะสื่อสารบางอย่าง
เราคิดว่ากำแพงอยากให้เราเข้าใจ

‘ความจริง’

.

เราไม่ลังเล เดินเข้าประตู
หมอกจางๆ ลอยมาปะทะใบหน้า
ลมพัดแผ่วเบา

เราพร้อมเผชิญความจริงนั้นแล้ว
.

ฉากสีขาวฉากหนึ่ง
ภาพเคลื่อนไหวเป็นเหตุการณ์มากมายฉายให้เราเห็น
บางภาพชัดเจนมาก
บางภาพจางเสียจนเราต้องเพ่งมองใกล้ๆ
บางครั้งเราต้องหยุดภาพนั้นไว้เพื่อทำความเข้าใจ
หลายครั้งที่ต้องย้อนกลับไปดูใหม่

รายละเอียดเยอะเหลือเกิน

แต่เราไม่แปลกใจ
เราคิดว่าเราเข้าใจได้

.

เราตั้งใจดู ตั้งใจฟัง
เนิ่นนาน

.

.

และในฉากหนึ่งก่อนจบสุดท้าย
เราเห็นเงาของคนหนึ่งคน

คนที่มีอิทธิพลต่อพื้นที่หลังกำแพง
คนที่ควรได้เข้าไปเห็นและสัมผัสสิ่งสวยงามหลังกำแพง

ก่อนเรา

.

ไม่ใช่เรา

.

เข้าใจแล้ว
‘ความจริง’ ที่ซ่อนอยู่
ที่มาของหมอกควันหลังประตูบานแรก

เราเข้าใจและเดินกลับออกมา

.

.

.

นั่งพิงกำแพงอย่างเดิม
พาตัวเองกลับสู่ความคุ้นเคยเดิมๆ

.

เราไม่เป็นไร

.

.

สำหรับตอนนี้
แค่ได้นั่งพิงกำแพงเราก็อุ่นใจมากแล้ว
.

.

ขอบคุณนะคุณ =)