ปากซอยลาดพร้าว 26
มีตึก 2-3 ห้องตรงหัวมุมทางเข้า ได้ชื่อ (จากพวกเรากันเอง) ว่าทำเลยอดแย่ (อ่านว่า ทำ-เล-ยอด-แย่ นะ ไม่ใช่ ทำ-เลย-อด-แย่)
ประมาณ 2 ปีก่อนมีร้านตัดผมบุรุษ ปิดกิจการไปก่อนวัยอันควร
ตึกตรงนั้นร้างราผู้พักอาศัยอยู่พักใหญ่
แล้วก็มีโรงเรียนกวดวิชามาเปิด และปิดกิจการในเวลาอันสั้นเช่นกัน สงสัยว่า(ไม่)รวยแล้วเลิก
จากนั้น (ยังมีอีก?)
สถาบันอะไรซักอย่างเกี่ยวกับการเล่นโกะ มาจับจองเป็นเจ้าของ
มาเงียบๆ ติดป้ายใหญ่ๆ บอกเราไว้ และไปเงียบๆ
พวกเรา (วายไอวาย) เคยสันนิษฐานสาเหตุของความมาเร็วไปเร็วนี้ว่า
- ตึกมันอยู่ตรงหัวมุมน่ะ ทำเลไม่ดี (เหรอ? ปกติตึกตรงหัวมุมมักจะมีคนเห็นง่ายจากหลายทิศทางนี่หว่า)
- ซอยลาดพร้าว 26 น่ะแคบ หาที่จอดรถยาก ใครๆ ก็เลยไม่สะดวกมาใช้บริการ (มีเหตุผลขึ้นมาหน่อย)
- เดินทางมาลำบาก (ตรงไหน? มุมนั้นมีแทบทุกอย่าง ทั้งพี่วิน พี่ใต้ดิน พี่แท็กซี่ พี่รถเมล์ ขาดแค่เรือกับเครื่องบิน)
- เจ้าของกิจการเค้าอาจจะประชาสัมพันธ์ไม่ดี ติดป้ายน้อยไปหน่อยเลยไม่ค่อยมีคนรู้จัก (อันนี้ก็ไม่แน่)
- เงาดำมืดปกคลุมมั้ง ทำอะไรเลยไม่ได้ดีซักอย่าง (ออกแนวโยนความผิดให้สิ่งที่ไม่มีทางสู้ ในที่นี้คือเงาดำมืด)
ไม่รู้แฮะ
ทั้งที่หัวมุมตรงนั้นติดป้ายรถเมล์
แถมเดินไปอีกไม่กี่สิบเมตรก็ถึงรถไฟใต้ดินสถานีลาดพร้าวแล้วแท้ๆ
เหตุผลเรื่องการเดินทางยากลำบากนั้นปัดตกไปได้
มีช่วงนึงเราเพ้อๆ คุยกันว่า
“หรือเราจะไปเช่าที่ตรงนั้นทำธุรกิจอะไรซักอย่างดี ระดมทุนหาเงินทำงานไง”
(ก่อนจะได้ระดมทุนหาเงินทำงาน ต้องระดมทุนหาเงินซื้อตึกอีก โว้ว!)
.
ตึกหัวมุมนั้นเว้นว่างจากเจ้าของอยู่อีกพักใหญ่
ซึ่งเราไม่แปลกใจกันอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่เพราะคิดสาเหตุออกหรืออะไร
แต่เบื่อจะคิด (ก่อนหน้านี้ทำไมไม่คิดได้แบบนี้วะ เสียเวลาไปเปล่าๆ ปลี้ๆ)
…
แต่สองสามวันที่ผ่านมา เหมือนจะมีใครมาจับจองเป็นเจ้าของตึก
เพราะมีแก๊งชายฉกรรจ์ล่ำบึ้กมาดูแล คล้ายจะปรับปรุงเพื่อกิจการใหม่อะไรซักอย่างของใครซักคน
ยังคิดในใจว่าจะรอดไหม ภาวนาให้มาดีไปดีก็แล้วกัน
…
แล้ววันนี้เราก็ได้รู้
พอเดินออกจากบ้านวายไอวายซอย21 (ตรงข้ามกับซอย26 –ที่ซึ่งเราเลือกจะจากมา)
เห็นแถบสีส้ม สีเขียว และเลขเจ็ด!

โอ้วววววว
มันคือ เจ็ดสิบเอ็ด
เซเว่นอีเลฟเว่น!
ดีใจกรี๊ดกร๊าด
ในที่สุดตึกตรงนั้นก็มีทางออกที่ดี
รู้สึกแถวนี้กำลังจะร่าเริงขึ้น
แต่…
เซเว่นมา แล้วร้านค้าคุณป้าที่อยู่ในซอยล่ะ
สมาชิกชาวหอพักข้างในคงไม่ทิ้งร้านคุณป้าให้เหงาเศร้าหรอกใช่ไหม
ร้านค้าคุณป้าอยู่ใกล้หอพักมากกว่าเซเว่นด้วย
ช่วงกลางวันน่าจะยังขายได้
ไว้ดึกๆ ชาวหอค่อยอุดหนุนเซเว่น
บลาบลาบลา…
.
.
.
.
.
เรื่องคงยังไม่จบแค่นี้
สีสันและแสงสว่างดึงดูดใจของร้านสะดวกซื้อคู่คนไทยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง จะส่งผลถึงใครในซอยอย่างไรบ้าง ยังไม่มีคำตอบ
(แม้ในใจจะมีภาพบางอย่างลอยเข้ามา)
บางทีชีวิตคนในซอยน่าจะสนุกขึ้น
คุณป้าอาจจะมีแรงกระตุ้นมากขึ้นในการขายของ
อย่างเช่นคำนวณราคาให้ถูกลง จัดหน้าร้านใหม่ ยิ้มแย้มแจ่มใสกว่าเดิม ฯลฯ
แบบนี้ในโลกทุนนิยมเสรีเรียกว่าเป็นผลดีต่อผู้บริโภคใช่ไหม
เมื่อมีการแข่งขัน เจ้าของกิจการย่อมจะพยายามปรับหากลยุทธ์บางอย่างมาเอาใจให้ผู้บริโภคสนใจสินค้าและบริการของตน
…
ขออย่างนึง
อย่าให้คุณลุงคุณป้าต้องผันตัวเองจากผู้จำหน่ายสินค้าปลีกไปเป็นผู้บริโภคอย่างเดียวเลย
นั่นมันอาชีพหลักในการเลี้ยงปากท้องเชียวนะ…
คิดว่าพวกเราเองก็ต้องช่วยกัน
–ช่วยยังไง?
–อย่างง่ายๆ ก็ ช่วยอุดหนุนไง หรือช่วยแนะนำสินค้าที่คุณป้าน่าจะมีขายก็ได้ อย่าเทใจให้ธุรกิจ(เจ้าของ)ใหญ่ไปเสียหมด
.
.
.
ส่งพลังให้คุณลุงคุณป้าล่วงหน้า!
แม้เซเว่นมา ก็ขอให้คุณป้าอยู่ต่อไป
(พวกเขาจะรู้ไหมว่าไอ้ระบบนี้เราต้องสู้ ต้องไม่จำนน ฮึบๆ)