Categories
Delicious

Umeshu (1)

ชอบกินบ๊วย ชอบกินเหล้าบ๊วย อยากกินแบบสะใจ-ไม่อั้น เลยคิดว่าต้องทำเอง หลังจากพลาดการสั่งบ๊วยเมื่อปีที่แล้ว (รู้ตัวช้า) ปีนี้แก้ตัวด้วยการพรีออเดอร์บ๊วยสดไป 10 โล เย่ ประมาณเดือนเมษาน่าจะได้ลอง

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=938612043221591&id=695015970914534

เก็บลิงก์สอนทำเหล้าบ๊วย

Umeshu เหล้าบ๊วยญี่ปุ่น….มาดูวิธีทำกันค่ะ ^_^/ https://pantip.com/topic/30599724

https://www.facebook.com/WongnaiCooking/posts/956384954542086/
Categories
Delicious

31 – Hana & Alice: fish in the pool

# ไม่เปิดเผยเนื้อหาของหนัง แต่เปิดเผยบางฉากที่เราอิน กับอารมณ์ที่เรารู้สึกต่อหนัง #

บันทึก 31 : เป็นเหมือนที่เคยเป็น
ดูหนังแล้วกลับมาคิดวนเวียน

กำลังติดเพลงนี้

การ์ตูนสวย เส้นแปลกตา การขยับไปมาก็น่าสนใจ เรื่องราวข้างในก็สวยปนตลก
ความเป็นเพื่อนที่ไม่ซับซ้อน
การค้นหาคุณค่าของตัวเอง
(น่าจะ)เสียดสีเรื่องเล่าลือบอกต่อปากต่อปากอันไม่รู้ที่มา ความจริงคืออะไร ไม่สำคัญเท่าเรื่องเล่าลือนี้ส่งผลกระทบกับชีวิตใครบ้าง –ประเด็นนี้มันสากลเสียจนน่ากลัว (คิดถึงเรื่องคำพิพากษาขึ้นมานิดๆ)
ให้รู้สึกเจ็บๆ คันๆ นิดนึง

และความรักของคนคนหนึ่ง
ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร เราจะเชื่ออย่างที่เราอยากเชื่อก็ได้ ถ้ามันจะทำให้มีความสุขได้นานขึ้นอีกหน่อย

“อย่าเพิ่งพูดแบบนั้นสิ ขอฉันมีความสุขกับเวลานี้อีกสักสองสามนาทีเถอะ”
(ภาพสุดท้ายตอนคนคนนั้นเดินหันหลังไปมันเจ็บปวดชะมัดเลยสำหรับเรา)

เสียดายที่คนทำคลิปตัดช่วงท้ายไปประมาณ 3-5 วินาที
ตอนจบของเพลงนี้ก็เลยให้อารมณ์เหมือนโดนคนสะดุดปลั๊กไฟตอนเราเปิดวิทยุทิ้งไว้ฟังเพลินๆ

ในอัลบั้ม fish in the pool , H & A (เหมือนว่าจะรวมเพลงประกอบหนังเรื่องนี้) ยังมีดนตรีเพราะๆ ให้ฟังอีกเพียบ

อยากซื้อ
แต่เงินดอลกำลังแพง 555
อดใจไว้ก่อน ฟังยูทูบไปก่อน

ป.ล.ถ้าใครไม่อยากดูเพราะไม่ชอบดูหนังผี ไปดูเถอะเรื่องนี้ (ชื่อเรื่อง ปริศนาโรงเรียนหลอน เกือบทำให้เราหลงประเด็นอยู่เหมือนกัน)

Categories
Delicious Reminder

IN MY LIFE

เพลงที่ฟังแล้วรู้สึกตราตรึงใจตั้งแต่ครั้งแรก เข้าใจว่าน่าจะเคยผ่านหูมาบ้างเพราะทำนองคุ้นๆ แต่มีแค่ครั้งนี้แหละที่รู้สึกอินกับเพลง คิดว่าน้ำเสียงของนักร้องมีผลอย่างมาก –บ่อยครั้งที่ฟังเพลงเวอร์ชั่น cover รู้สึกเพราะจับใจ –พอไปฟังเวอร์ชั่น original แล้วเฉยๆ

สำหรับเพลงนี้ก็เป็นเช่นนั้น เอ้ร้องได้ขรุขระและนุ่มนวล รู้สึกดีมากๆ ที่ได้ฟัง (ในใจอยากให้ร้องจนจบ เพราะขนาดแค่ร้องไว้ครึ่งเพลงเรายังฟังวนไปวนมาหลายรอบ) ขอบคุณที่ทำให้เราได้ทบทวนเนื้อเพลงและหันมาใส่ใจอะไรๆ ในชีวิตมากขึ้นอีกนิด

 

ส่วนนี่ Original (เราเจอกันช้าไป) ส่งเอ้เข้าไปเป็นสมาชิกของเดอะบีเทิลส์ด้วยอีกคน!

Beatles In My Life Lyrics
Songwriters: LENNON, JOHN / MCCARTNEY, PAUL

There are places I remember
All my life, though some have changed
Some forever not for better
Some have gone and some remain
All these places have their moments
With lovers and friends I still can recall
Some are dead and some are living
In my life I’ve loved them all

But of all these friends and lovers
There is no one compares with you
And these memories lose their meaning
When I think of love as something new
Though I know I’ll never lose affection
For people and things that went before
I know I’ll often stop and think about them
In my life I love you more

Though I know I’ll never lose affection
For people and things that went before
I know I’ll often stop and think about them
In my life I love you more
In my life I love you more

In My Life lyrics © Sony/ATV Music Publishing LLC,
Universal Music Publishing Group,
EMI Music Publishing,
Warner/Chappell Music, Inc.

Categories
Delicious Reminder

ฝากไว้ในกายเธอ [สปอยล์แบบไม่เลวร้ายเท่าไหร่]

สนใจตั้งแต่เห็นตัวอย่างหนังและได้ฟังเสียงพิเศษของน้องวี วิโอเลต วอเทียร์ เพลงฝากไว้กลายเป็นเพลงหลอนโสตประสาทจนแทบจำทำนองเพลงดั้งเดิมของพี่เบิร์ดไม่ได้

พอหนังเข้าฉาย อ่านคอมเมนต์คนโน้นคนนี้ไปเรื่อยๆ ค้บพบว่าไปท่างด่ามากกว่าชม ..เอาแล้วไง จะเสี่ยงไม่เสี่ยง ลังเลเพราะไม่ชอบดูหนังผีแต่ดันอยากดูเรื่องนี้ แล้วพออยากดูคนก็บอกว่าห่วย เอาวะ ไปพิสูจน์ละกันว่าห่วยจริงไหม

ความสมจริงทางการแพทย์

– อ่านสปอยล์เรื่องความสมจริงทางการแพทย์ไปเยอะ ก็เก็บไปพิจารณาระหว่างดูหนังอยู่เหมือนกัน แต่การอ่านเยอะไม่ได้แปลว่าจะจำได้เยอะนี่หว่า เพราะฉะนั้น- ไม่รู้แฮะ ไม่มีคอมเมนต์เรื่องนี้ 555

– อ๊ะ มีสักหน่อย นึกขึ้นได้พอดีเรื่องอุปกรณ์ถ่างปากมดลูก (speculum) กระทู้หนึ่งในพันทิปให้ข้อมูลว่าสำหรับผู้ไม่เคยผ่านการคลอดบุตรต้องใช้ขนาดเล็กสุด (ไม่งั้น heeฉีก) เราคิดว่าความสำคัญของอุปกรณ์ชิ้นนี้ในฉากนี้คือการทำให้คนดู (ที่ส่วนใหญ่อาจไม่ได้อยู่ในวงการแพทย์/ไม่ได้มีชีวิตผูกพันกับอุปกรณ์แผนกสูติฯ) ได้เห็นสิ่งของชิ้นนี้ชัดเจน คือให้อุปกรณ์นี้มัน “เข้าตา” คนดู เห็นแล้วเอ๊ะ/อ๋อ สำหรับเราแค่นี้พอละ (ขอบคุณกระทู้นี้ด้วยที่ทำให้เราได้ทำความเข้าใจหลักการแพทย์บางอย่างไปก่อนดูหนัง)

นักแสดงนำ

– รู้แค่ว่าสามคนนี้คือฮอร์โมนนะ วัยว้าวุ่นนะ ดังนะ แต่ถามว่าเคยดูไหมฮอร์โมน ไม่เค้ย (เฮ้ย มีคนไม่เคยดูฮอร์โมนอยู่ในประเทศโลกนี้ด้วยเรอะ!) แค่อ่านผ่านตามาบ้างทางทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก ส่วนที่พอจะได้ดูออนไลน์นิดหน่อยก็เป็นตอนคู่จิ้นเลสเบี้ยนช่วงฉิ่งเปื้อนเลือด เราจึงไม่มีภาพติดตาว่าน้องไผ่ สไปรท์ ภู เคยเป็นแบบไหนมาก่อน ดังนั้นจึงง่ายมากสำหรับเราที่จะไม่คาดหวังแอคติ้งหรืออารมณ์ที่ส่งมาสุดทางแบบสุดๆ

– เราคิดว่านักแสดงที่ประสบการณ์ประมาณนี้ อยู่ระหว่างทดลองบทบาทที่น่าสนใจไปเรื่อยๆ กำลังพัฒนาตัวเองในขั้นเริ่มต้น (นอกเรื่อง–ได้อ่านบทสัมภาษณ์ของน้องสามคนในนิตยสารแจกฟรีบนรถไฟฟ้า รู้สึกจะชื่อ DON’T อะไรนี่แหละ แต่ละคนมีวิธีคิดเท่ๆ เป็นตัวของตัวเอง) การส่งอารมณ์ให้หนังได้ประมาณ60เปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าสอบผ่าน (ส่วนจะได้เกรดเท่าไหร่อีกเรื่องนึง) เห็นท่าแล้วคิดว่าน้องดีงามขั้นพื้นฐาน ยังพัฒนาได้อีกเยอะ

บทหนัง

– เสียดายที่บทหนังให้พื้นที่กับน้องไอซ์น้อยไปหน่อย เราได้ทำความรู้จักเพิร์ธเยอะที่สุดในเรื่อง มีท่าทีครุ่นคิด อยากเอาชนะ เก็บงำความรู้สึกแต่แสดงออกชัดเจนเรื่องความต้องการทางเพศ คล้ายๆ เป็นเครื่องมือในการปลดปล่อยบางอย่างในตัวเอง เราเห็นความดุดันของแทน ความต้องการปกป้องคนรัก (แม้สุดท้ายเขาจะเลิกรักเราแล้ว) ความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้น แต่เราได้รู้จักไอซ์น้อยเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอมาเป็นผีน้องไอซ์ เธอช่างหลอกหลอนไร้ทิศทาง ไม่มีจุดเด่นเอาเสียเลย

– คิดไปคิดมา หรือผู้กำกับ/คนเขียนบทจะตั้งใจให้ผีน้องไอซ์ไร้จุดเด่นแบบนี้แหละ? เพราะผีไอซ์คือผีในใจเพิร์ธ? ความหลอนในเรื่องทั้งหมดอาจมาจากมโนของเพิร์ธ?

– สรุป อิเพิร์ธควรไปพบจิตแพทย์นะ!

ค้างคา

– เพิร์ธไม่โดนลงโทษ ไม่ได้รับการเยียวยารักษาอาการทางจิต ไม่แม้กระทั่งจะมีใครแสดงออกว่าสัมผัสความผิดปกติบางอย่างได้–ออกตัวแรงๆ เลยว่าไม่ได้ต้องการแฮปปี้เอนดิ้งดีงามโลกสวย ทุกอย่างกระจ่างแจ้ง ไม่ได้ต้องการแบบนั้น แค่ไม่ชอบใจที่คนทำไม่ถูกต้องลอยนวลไปเบาๆ ฆ่าคนแล้วอำพรางไปเรื่อยๆ ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ (ผลร้ายท้ายที่สุด ความหลอนก็ตามติดเพิร์ธไปตลอดชีวิต มันก็ใช่ แต่ทางสังคมเพิร์ธก็ควรได้รับผลตอบกลับจากการกระทำบ้าง ไม่ใช่ตำรวจไม่ได้ร่องรอยอะไรเลย วู้ว เราว่าน่าจะจับผิดการเก็บรวบรวมพิสูจน์หลักฐาน/กระบวนการชันสูตรมากกว่าจับผิดเรื่องการแพทย์อีกนะ 555)

– ไม่คลี่คลายเรื่องแม่ไอซ์ (คนนี้ในเรื่องก็ทำตัวหลอน –มีคนมาเจอมั้ย หรือยังไง บ้านนี้ไร้ญาติขนาดนั้นเลยเรอะ)

– เพลงฝากไว้ ได้ฟังทีเดียวท้ายเรื่อง รู้สึกไม่อินเท่าเก่า เสียดายของดีโผล่มาให้ฟังทีหลัง

ขอบคุณ

– คุณบูผู้มีอุปการคุณ ทั้งเรื่องนี้และเรื่องหน้า

ป.ล. ไม่เกี่ยวกับทั้งหมดที่กล่าวมา

– คิดถึงอีกแล้ว #พฤหัสบายดี

 

Categories
Delicious

The Fault in Our Stars

โปสเตอร์ที่เป็นรูปถ่ายแบบ 69 นี่ไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ ทำให้เราเห็นหน้านักแสดงได้ไม่เท่ากัน ที่ผ่านมาเห็นแต่หน้านางเอกบนโปสเตอร์ จนพบว่าการติดโปสเตอร์กลับหัวของโรงหนังที่ไหนสักแห่ง (อาจจะที่ terminal 21 มั้ง จำไม่ได้แล้ว) ทำให้เราเห็นหน้าตาพระเอกชัดขึ้น เป็นความพลาด (หรือตั้งใจ?) ที่ส่งผลแง่บวก คือมีแรงจูงใจให้รู้สึกอยากดูขึ้นมาอีกนิด แหม่ แหม่ แหม่

บันทึกสิ่งแรกๆ ที่ผุดขึ้นในหัวระหว่างดูหนัง

– อยากอ่านหนังสือเล่มนี้
– อยากอ่านบันทึกของแอนน์ แฟรงก์
– อยากไปอัมสเตอร์ดัมอีกรอบ เก็บรายละเอียดพิพิธภัณฑ์ต่างๆ และเดิน เดิน เดิน
– เราทั้งหลายควรเตรียมตัวให้พร้อมตายเอาไว้เสมอ คราวละเล็กละน้อยก็ยังดี

ขอบคุณคุณเมษ์ทิวาที่แนะนำให้รู้จักหนังสือเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่สนใจหรือใส่ใจอยากดูหนัง เพราะเราไม่เคยเห็นโฆษณาใดเกี่ยวกับหนังมาก่อน จนกระทั่งบังเอิญไปเจอเพจบนเฟซบุ๊ก แถมดูตัวอย่างหนังแล้วก็งั้นๆ คือรู้สึกธรรมดา นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเชื่อในคุณเมษ์ทิวา ไม่อยากดูนะเอาจริงๆ

ขอบคุณ naloon.com สำหรับรางวัลตั๋วฟรี (ได้บัตรสำหรับตัวสำรอง) ที่จริงต้องขอบคุณผู้ได้รับรางวัลตัวจริงที่สละสิทธิ์ ไม่งั้นเราคงไม่ฝืนชะตากรรมการปวดท้องเมนส์ไปดูถึงเอสพละนาด

สรุป
The Fault in Our Stars ดีงามตามท้องเรื่อง หนังสือต้นฉบับเป็นไงไม่รู้ แต่หนังนี้ควรค่าแก่การดู เพลงประกอบหนังควรค่าแก่การฟัง เป็นความหดหู่ที่สวยงามในตัวมันเอง (นี่ยังนั่งหดหู่อยู่เลย ขนาดเตรียมใจไปประมาณนึง)

ฟังเพลงไหม