Categories
Home

ฉันซื้อกุหลาบให้คุณหมี

7/18/2012
ค่ำวันฝนตก
เราเถียงกันทางโทรศัพท์ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
(ที่เริ่มประเด็นโดยฉันเอง –แหะๆ)
คุณหมีกล่าวอะไรบางอย่างที่ฉันในวินาทีนั้นไม่ใส่ใจ
กดวางสายโทรศัพท์ทั้งที่บทสนทนายังไม่จบ

ระหว่างเดินทางกลับบ้าน ฉันทบทวนถ้อยคำของเขาแล้วรู้สึกแปลก

เดินผ่านคุณยายขายดอกไม้ ยายนั่งหลับคอพับคออ่อน
แว่บหนึ่งคิดถึงคุณหมี อยากส่งพลังให้แก่เขา

ตัดสินใจปลุกคุณยายด้วยเสียงเรียกเบาๆ
แม้ยายจะงัวเงียแต่ท่าทีในการขายยังคงกระตือรือร้น

“ช่วยหน่อยเถอะ ยายรอลูกค้าจนง่วงแล้วอีหนูเอ๊ย”
(ไม่ต้องบอกหนูก็รู้ค่ะยาย แต่หนูว่ามากกว่าง่วงนะ)

“ไม่เอาหมากพลูไปด้วยเหรอลูก”
(หนูไม่ได้ซื้อดอกไม่ไปไหว้พระค่ะ ^^;)

ได้กุหลาบมาสองช่อเล็กๆ
สองช่อแรกตั้งแต่รู้จักจนคบหากันมา
กุหลาบสีแดงและชมพูสำหรับคุณหมี

roses for khun hmee
ที่ร้านป้าตาส้มตำ ภาพนี้คุณหมีถ่าย

เราอยู่ข้างๆ คุณหมีเสมอนะ =)

// เติม
อยากให้คุณหมีประหลาดใจ ตอนที่เจอกันฉันทำเป็นเฉยๆ
สุดท้ายก็ไม่พ้นสายตา คุณหมีเหลือบไปเห็น
นี่คือบทสนทนาแห่งการมอบดอกไม้ให้คุณหมี เปิดฉากโดยคุณหมี

“กุหลาบสวยจัง”
(อื้อ)
“ใครให้มาหรือครับ?”
(คุณยายให้มา)
“ทำไมคุณยายให้มา?”
(ก็หนูเห็นคุณยายนั่งหลับ เลยเข้าไปปลุก)
“….”
(พอคุณยายตื่น หนูเลยถามคุณยาย)
“….”
(คุณยายคะ กุหลาบช่อละกี่บาท)
“….”
(ยายบอกช่อละยี่สิบ)
“….”
(หนูเลยส่งเงินให้คุณยายสี่สิบ คุณยายเลยให้มา)
“…. =)”
(คุณยายถามว่าไม่เอาหมากพลูด้วยเหรอ)
“แล้วแนนตอบว่า….”
(ไม่เอาค่ะคุณยาย หนูไม่ได้เอาไปไหว้พระ หนูเอาไปให้แฟน)
“=D”

เราชอบคุณหมียิ้มกว้าง =D

Categories
Mumble

ฝนมา-คิดถึงปาย

หน้าฝนมาแล้ว มานานแล้ว
ส่วนใหญ่เมื่อฝนตกฉันอยู่ที่ทำงาน อยู่ในห้าง อยู่ในขบวนรถไฟใต้ดิน อยู่ที่ไหนสักแห่ง–รวมถึงหลับสนิทจนไม่ได้ยินเสียงแห่งความชุ่มชื้นนี้
รู้ว่าฝนตกก็ต่อเมื่อเจอถนนเปียก หยดน้ำค้างบนดอกไม้ใบไม้

เนื่องในโอกาสนอนดึก
ฝนตกตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
มารู้ตัวอีกทีตอนที่กำลังเตรียมตัวนอน (= ตอนนี้!) ฟ้าร้องฮึ่มๆ ให้สัญญาณ
แล้วเสียงฝนก็แว่วเข้าหูตามมา

ในความเงียบยามดึกดื่น
ฉันได้ยินเสียงฝนตกแปะลงใบไม้ ตกใส่พื้นซิเมนต์ พื้นหลังคารัวๆ
เสียงฝนตกหนนี้ชัดเจนมาก
ชัดเจนจนคิดถึงปาย ปายหน้าฝนที่มองไปทางไหนก็เป็นสีเขียว ไม่ว่าเยื้องย่างไปตรงไหนสดชื่น

ทั้งที่กำลังวางแผนเที่ยวแบบประหยัดที่สุดในรอบสามปีเพราะจะเก็บหอมรอมริบเพื่ออนาคต สถานที่เที่ยวไม่ควรไกลจากกรุงเทพมาก แต่ในใจร่ำๆ อยากไปนอนปาย(นอนเปล)ยาวๆ –เหมือนทุกครั้งตลอดช่วงสามปีที่ผ่านมา

เอาล่ะสิ

ผลจะเป็นอย่างไร
ฉันจะไปใช้ชีวิตพักร้อนหน้าฝนที่แห่งหนไหน
หรือสุดท้ายจะไม่ได้ไปไหนเลย
กันยายนนี้จะได้รู้กัน

Categories
life shot

Mansion 7 (แมนชั่นเซเว่น) ในมุมมองของ พขร.

บนรถเมล์ปรับอากาศสาย 137
ถนนรัชดาภิเษกเวลาใกล้สองยามค่อนข้างโล่ง
ผู้โดยสารบนรถก็โล่งชนิดที่ว่าถ้าคุยโทรศัพท์ในระดับเสียงปกติก็คงได้ยินไปเกือบทั่วรถ

รถแล่นผ่านแมนชั่นเซเว่น
กระเป๋ารถเมล์และพนักงานขับรถสนทนากัน

กระเป๋า: พี่ ที่นี่มันคืออะไรเรอะ?
พขร.: หืม อะไร?
กระเป๋า: ไอ้ที่ผ่านมาเมื่อกี้ ฉันเห็นมานานแล้ว แต่ไม่รู้เสียทีว่ามันคืออะไร
พขร.: ห้างไง ห้างที่พวกเกย์เขาเดินกัน
เขาตอบคำถามทั้งที่สายตาจับจ้องไปยังถนนเบื้องหน้า

กระเป๋า: ฮะ? พวกเกย์เหรอ
พขร.: อือ ไม่แน่ใจนะ แต่เขาว่าเป็นห้างที่พวกเกย์มาเดินกัน มีโชว์เต้นอัลคาซาร์ คาบาเรต์ แล้วก็มีร้านเสื้อผ้าสำหรับเกย์ อะไรพวกนี้
กระเป๋า: (พยักหน้าเข้าใจ) อ๊ออออออ อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะตกแต่งสีทึมๆ มืดๆ ดูน่ากลั๊ว
พขร.: แหม แกก็ แค่ดูจากสีม่วงก็รู้แล้วน่าว่าเป็นที่สำหรับเกย์!

กระเป๋า: ป้ายหน้าสุทธิสารค่ะ

ฉันกดกริ่ง
รถค่อยๆ ชะลอความเร็ว…

————————–

เว็บไซต์แมนชั่นเซเว่น
http://www.themansion7.com/index.html

Categories
Delicious life shot

homemade cheese pie

ทำกินเองเมื่อเดือนที่แล้ว
ครั้งแรกซับซ้อน เอาเข้าเตาอบ แถมส่วนผสมขาดๆ เกินๆ –ผลกระทบจากน้ำท่วม
ผลคือขอบพายกรอบเกิน (เรียกว่าแข็งจะตรงกว่า) เนื่องจากกดแครกเกอร์แรงไป
เนื้อชีสพายเหลวเกิน
รสชาติงั้นๆ

ครั้งสองทำง่ายๆ
–เรียนรู้จากพี่ @onlyying ว่าชีสพายเนี่ยทำง่ายๆ ขั้นตอนธรรมดาพอ ชิมอย่างที่ชอบ อร่อยชัวร์
ผลคือเนื้อชีสพายอร่อยโดน (ออกเปรี้ยวนิดหน่อย หวานกลาง)
ส่วนขอบพายที่ทำด้วยแครกเกอร์นั้น อันเนื่องมาจากกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำร้อย ไม่อยากให้แครกเกอร์เกาะกันแข็งเกินไปเลยออกแรงกดแค่ 10% ของคราวที่แล้ว
ผลคือขอบพายร่วนเกิน ตักออกมาทีแทบจะกลายเป็นขนมขี้หนู
แต่รสชาติโดยรวมอร่อยประทับใจคนทำ
(ที่จริงเราควรให้ความสำคัญกับคนกินมากกว่าไม่ใช่เรอะ!)

คุณหมีซื้อหนังสือทำขนมแบบไม่ต้องใช้เตาอบมาให้หนึ่งเล่ม
คาดว่าพ้นช่วงขาดแคลนทุนทรัพย์เมื่อไหร่คงได้ลองทำขนมอย่างอื่นหรือชีสพายสูตรอื่นกินเองอีก
ใครอยากเป็นหนูทดลองแจ้งความจำนงไว้ได้ ทำเสร็จจะส่งข่าวไป (อย่าลืมทำประกันชีวิตไว้ด้วยนะ!)

Categories
life shot Places

ครอบครัว

ฉันเติบโตมาในครอบครัวประหลาด
เป็นพี่สาวคนโตที่สนิทกับน้องชายคนรองเหมือนเพื่อนเพราะอายุห่างกันเพียงหนึ่งปี
สนิทกับน้องสาวคนเล็กแบบพี่ปกครองน้อง (น้องสาวเชื่อสิ่งที่ฉันสอนมากกว่าแม่สอน–แม่บอกอย่างนั้น)
เตี่ยแม่หย่ากันแต่ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในบ้านเดียวห้องนอนเดียวกัน
ด้วยวิธีการเลี้ยงดูบางอย่าง ฉันรู้สึกห่างเหินกับเตี่ยแม่ตั้งแต่เด็ก ไม่สนิทใจ รู้สึกเข้ากันได้ยาก

สถานที่เรียนชั้นอุดมศึกษาและสถานที่ทำงานทำให้ฉันอยู่ห่างจากบ้านมานาน ฉันสบายใจที่จะให้มันเป็นอย่างนั้น
พอโตขึ้น ดูเหมือนชีวิตที่ผ่านไปทำให้ฉันทำความเข้าใจกับอดีตได้มากขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนั้น ฉันจึงรู้สึกสนิทสนมกับครอบครัวประหลาดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามการงานของฉัน (รวมถึงความรักอิสระของฉันเอง) ทำให้โอกาสในการกลับบ้านมีไม่บ่อย แต่ละครั้งไม่นานนัก
รวมถึงน้องชายที่ทำงานเป็นกะ มักเข้ากะบ่ายควบกะดึก เวลาที่น้องอยู่บ้านจึงหมดไปกับการนอน
และน้องสาวที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยแถวรังสิต กลับบ้านเป็นช่วงๆ (ขอสงวนการเล่นมุกแพนด้าหลินฮุ่ย)
เพราะฉะนั้นคนที่ใช้ชีวิตจริงๆ ที่บ้านจึงมีเพียงสองคนหลักคือเตี่ยกับแม่
นอกจากนี้เป็นขาจรทั้งสิ้น
และมนุษย์ทั้งห้าแห่งบ้านประหลาดก็มิค่อยมีโอกาสประสบพบกันพร้อมหน้าพร้อมตา

ฉันเพิ่งรู้ไม่นานว่าแม่ชอบดูรายการตลาดสดสนามเป้า
และอยากจะเดินทางไปท่องเที่ยวยังสถานที่ที่รายการนี้พาไป
โดยเฉพาะที่ที่ไม่ไกลจากบ้าน ขับรถตุเลงตุเลงไปกันเองได้

เย็นวันเสาร์หนึ่งที่ฉันกลับบ้าน
แม่เอ่ยปากชวนไปกินอาหารทะเลที่บางเสร่
(ลืมบอกไปว่าบ้านฉันอยู่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี –ใกล้ทะเลเพียง 15 นาที!)
แต่แม่ก็อยากไปบางเสร่ (ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี –ห่างจากบ้านฉันไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงขับรถ)

เอาหละ แม่อยากไป สมาชิกในบ้านก็ไม่ได้มีความเห็นเป็นอย่างอื่น
เป็นอันว่าวันรุ่งขึ้นเราไปบางสเร่กัน
แปลกมากที่วันนั้นน้องสาว-น้องชาย-ฉัน อยู่บ้านและไปเที่ยวด้วยกันได้พร้อมหน้า
วันอาทิตย์ธรรมดาจึงกลายเป็นวันพิเศษ(ในใจฉัน)ขึ้นมาทันที
และภาพเหล่านี้เป็นคำยืนยัน

ข้อมูลจากคำถ่ายทอดของแม่และประสบการณ์ของฉัน
ตลาดบางเสร่มีอาหารทะเลสดๆ เป็นๆ จำหน่ายแต่เช้าตรู่ ช่วงเวลาประมาณ 6.00-8.00
หากไปหลังจากเวลานี้ตลาดจะวาย (อย่างเช่นบ้านฉันไปถึงตลาดประมาณ 8.30 ตลาดวายไปแล้วเรียบร้อย)
ขับรถเลยตลาดไปผ่านวัดบางเสร่ เลี้ยวขวาเข้าหาด จะมีร้านอาหารทะเลเรียงรายริมถนน สภาพเหมือนร้านอาหารตามสั่งบ้านๆ เลือกเอาตามความรู้สึกพึงพอใจ ถูกชะตากับร้านไหนก็ร้านนั้น
(หากมีเวลาและความกล้า ลองเดินสำรวจราคาปู, ปลา ของแต่ละร้านก่อนตัดสินใจก็ได้ แม้ร้านจะอยู่ติดๆ กันก็ไม่ได้หมายความว่าราคาอาหารทะเลจะเท่ากัน)
ทุกทุกร้านริมหาดมีบริการเสื่อปูพร้อมโต๊ะญี่ปุ่น เสริฟอาหารให้เรานั่งกินไปมองทะเลไปได้สบายๆ
กินไปวิ่งลงน้ำทะเลไปยังได้

ฉันรักหาดบางเสร่ตรงที่มีร่มมะพร้าวถี่, ไม่ถึงกับแน่น, บังแดดเป็นร่มเงาให้เรานั่งแช่ได้อย่างไม่ต้องกลัวร้อน
คนที่ไปถึงแต่เช้าจะได้เปรียบมาก เพราะเลือกนั่งโต๊ะไหนก็ได้ตามใจ หากมาถึงสายๆ เกือบเที่ยงอาจต้องรอคิวโต๊ะหรือได้นั่งในมุมอับวิวอับร่ม

ขอบคุณรายการตลาดสดสนามเป้าและบางเสร่
(ตั้งใจโพสต์ภาพพร้อมคำบรรยายสั้นๆ ไหงยาวงี้ -_-)