Categories
Delicious

Transporter3

อย่างแรกสุดขอบคุณ kapook.com
เป็นหนังเรื่องที่ 2 ที่ได้ไปดูฟรีในฐานะ blogger
จะว่าไปก็กระดากปาก เพราะไม่แน่ใจในความหมายของตำแหน่งบล๊อกเกอร์
ถ้าแปลว่า คนมีบล๊อกและเขียนบล๊อกของตัวเอง (ไม่นับความถี่หรือเนื้อหา) ก็อาจใช่
อีกอย่างที่กระดากคือ คราวก่อนไปดู 20th Century Boys แล้วไม่ได้กลับมาเขียนอะไร

เพราะเสียใจอยู่มั้ง
พาคนข้างๆ ไปดูด้วยตั้ง 2 คน ทั้งสองคนดูจะไม่สนุก (หนึ่งในนั้นออกแนวเกลียดหนังเรื่องนี้ด้วยซ้ำ)
ส่วนเรา มีที่สนุก และมีที่ไม่ชอบใจ ถามว่าชอบหนังเรื่องนี้ไหม ชอบ, อยากอ่านการ์ตูนไหม อยาก
(สารภาพว่าเคยรู้เนื้อเรื่องจากการ์ตูนคร่าวๆ ยังไม่ได้ทุ่มเทอ่านทุกตอน เป็นการ์ตูนที่ใฝ่ฝัน)
เพราะหนังที่สร้างจากการ์ตูนหรือหนังสือ แน่นอน ไม่สามารถทำให้รายละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์อย่างที่เราจินตนาการได้
จะพูดตามหลักสากล(ของแนน) แต่ละคนก็มีจินตาการต่างกันอีก แน๊ะ! จะให้ทุกกระเบียดเป็นอย่างใจคงยาก
แค่ผู้สร้างหนังพยายามทำจินตนาการของเราให้เป็นรูปเป็นร่าง มีมิติ เคลื่อนไหวได้ เท่านี้ก็ขอบคุณจะตายแล้ว
ฉะนั้น ความพอใจหรือไม่พอใจจากส่วนต่างๆ ของหนัง ยังไม่ทำให้ความรู้สึกของเราต่อหนังสือเปลี่ยนไป

เอ๊ะนี่กำลังจะพิมพ์ถึง Transporter3 จริงๆ หรือเปล่าวะ
จริง! แต่ขออีกหน่อย

ที่ต้องขอบคุณ kapook อีกอย่าง คือ วิธีการเลือกคนไปดูหนัง
(คง random ถ้าคนเกิน, เอาหมดถ้าคนพอดี –อันนี้คิดเอง ผิดถูกอย่างไรไม่แน่ใจ)
ถ้าดูจากว่า บล๊อกเกอร์คนไหนดูหนังแล้วเขียนถึงหรือเปล่า เราคงไม่ได้ดูอีกเลย (ฮา)
คิดไว้ในใจแล้วว่า จะอย่างไรก็ตาม ทรานส์พอร์เตอร์3 ต้องเอาความรู้สึกหลังจากดูหนังมาแปะบล๊อกให้ได้

จบเรื่องนอกเรื่อง.

ว่ากันถึง Transporter3
แรงจูงใจแรกคือ หนังฟรี!
แรงจูงใจต่อมาคือ พระเอกและความน่าจะมันส์
แหม… ขอโทษเถอะ ของอย่างนี้มันเย้ายวนกันง่ายมากนะ ฮ่าๆ

ตอนแรกคิดว่าจะเริ่มช้า มั่นใจว่าโฆษณาเกินครึ่งชั่วโมง
ที่ไหนได้
เข้าไปตอนสองทุ่มกว่า ไม่น่าเกิน2ทุ่มครึ่ง (ตามตั๋วคือ 2 ทุ่มตรง) หนังเริ่มฉายแล้ว
โอ้ว สงสัยต้องปรับทัศนคติกับโรงหนังใหม่สักทีละมั้ง (หรือเป็นเฉพาะกับโรงนี้ รอบนี้ก็ไม่รู้)

โครงเรื่อง: เดาง่าย
หากินกับบริษัทที่อ้างตัวเป็นผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อมแต่เข้ามาทำลายโลก –อีกล้าววววว
(คิดว่าคล้ายกับที่เรารับสมัครโครงการเพื่อสังคม น้องๆ ส่วนใหญ่เขียนมาเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน)
ที่สนใจคือพระเอกจะฝ่าฟันภยันตรายไปด้วยวิธีไหนกัน

รถยนต์คันนั้น
แล้วก็ได้เห็นความแข็งแรงของรถยี่ห้อนั้นที่พระเอกขับ
แหมมันช่างทนมือทนตออีนอ ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้
น่าซื้อใช้โคตรๆ

ความมันส์
กะว่าแอ็กชั่นมันส์ระห่ำท้ามฤตยูนรกสวรรค์สั่นสะเทือน
(เหมือนชื่อหนังฝรั่งแปลเป็นไทย เอาให้เวอร์เข้าไว้เป็นดี เกี่ยวกับเรื่องหรือไม่ค่อยว่ากัน)
ก็เป็นอย่างนั้นจริง แต่ไม่มากล้นจนใจเต้นตลอดเวลา
มีใครเป็นบ้างไหม เวลาดูหนังแอ็กชั่นตื่นเต้นแล้วใจเต้นแรงมาก –เราเป็น

ในฉากต่อสู้หนีตาย พี่เป๊ะ(คนข้างๆ) บอกว่า แหม~ ดูเขาสิ
ใส่สูทสู้ ไม่ต้องท่าเวอร์มาก แต่ดูแล้วเท่+มันกว่าองค์บากอีก (ฮาแบบสลดๆ)
ถือเป็นคำชม

ฝ่ายสนับสนุนพระเอกก็ทำหน้าที่ได้ตามความน่าจะเป็น (คุณลุงนักสืบทาร์โคนี่ ได้ใจค่ะ)

มุกเยอะ
หนังแอ็กชั่นฝรั่งเดี๋ยวนี้ขำไม่เลือกเวลา (เอ๊ะ หรือเป็นมานานแล้ว แต่เราไม่ทันสังเกต)
เฮ้ยชอบ ชอบมากตรงหยอดมุกนี่แหละ ทำให้ความบันเทิงเป็นบันเทิงที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น

นางเอก
เซ็กซี่ดี แต่เราเฉยๆ กับบทของ วาเลนติน่า ในเรื่องนี้
ไม่ใช่อิจฉา แต่ปกติไม่เชื่อในความสัมพันธ์ที่เกิดจากการยั่วยวน
เพราะสายตาของพระเอกในเรื่องยังไม่ได้ส่งมาบอกให้เราเห็นว่าชอบนางเอก
ดีที่มีบทสนทนาต่อปากต่อคำเรื่องการสั่งอาหาร ให้เห็นว่าคนคู่นี้คุยกันถูกคอ
พอกล้อมแกล้มให้เราเข้าใจได้ว่าสปาร์กจากฉากริมหน้าผานั่นแหละดี ค่อยเรียนรู้กันต่อไปทีหลัง

จะว่าไป ที่ได้ยินตัวละครพูดย้ำไปมาเหลือเกินเรื่อง Rules (กฎการทำงานของพระเอก)
“ผมมีกฎ แต่บางกฎก็พร้อมจะได้รับการยกเว้น” หรืออะไรทำนองนี้
คิดได้ว่า
ดี ออกจากกรอบที่เราขีดให้ชีวิตตัวเองบ้าง บางทีโลกอาจจะสดใสขึ้น, ยังไงก็ตาม เคารพการตัดสินใจตัวเองด้วย
จะแหกหรือไม่แหกกฎ ก็ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจทุกครั้ง
ไม่ได้ให้เศร้าหมองโทษตัวเอง แต่ให้น้อมรับความสุขความทุกข์จากผลของมัน

ตอนออกจากโรงหนัง ร่าเริง
เป็นหนังกำลังดี มาดูในโรงได้ไม่เสียใจ

จะว่าไปหนังแอ็กชั่นทั้งหลายก็สมควรดูในโรงทั้งนั้น
ความกระหึ่มต่างกันอย่างสัมผัสได้

นอกจากใครจะมีมินิเธียร์เตอร์ที่บ้าน (ซึ่งเราไม่มี!)
.
.

เอ้อ เกือบลืม
ขอบคุณพี่เป๊ะ อุตส่าห์หนีงานไปดูหนังด้วยกัน (ฮ่าๆ)

–พิมพ์หมดนี่แล้วรู้สึกตัวเองเป็นคนคิดมากเหมือนเดิมขึ้นเรื่อยๆ แฮะ–

Categories
Mumble

ความเหงาที่เราก็ไม่เข้าใจ

จะออกไปซื้อของเข้าออฟฟิศ
นึกอยากกินไอติม
แต่ก่อนจะมีขาประจำชวนไปกินไอติมด้วยได้อยู่จำนวนหนึ่ง

พี่อุ้ย
พี่เก๋
พี่อุ๊
พี่เป๊ะ (เจ้านี้ไม่กินเอเต้, จะกินต้องสเวนเซ่น)

วันนี้ที่บ้านมีแต่พี่มะเดี่ยว ปาล์ม(ที่ต้องกลับบ้านเร็ว) พี่โป้ง
ชายหนุ่มกำลังเตรียมชุดอาหารยอดข้าว
อย่าหวังว่าชวนแล้วจะไป เป็นไปไม่ได้สองร้อยเปอร์เซ็นต์ หมอไหนก็ไม่ต้องคอนเฟิร์ม เราคอนเฟิร์มเอง

พี่เก๋ พี่อุ๊ พี่เป๊ะ ไม่อยู่แถวนี้ –ชวนไม่ได้
พี่อุ้ย เดาว่าอยู่เมืองนอกแล้วแหละ เพราะมีโปรแกรมไปช๊อปปิ้งตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์ปิดสนามบิน –แต่ก็ไม่แน่

โทรหาพี่อุ้ย
อยู่ฮ่องกงจริงด้วย
บอกพี่อุ้ยว่า อยากกินไอติม ไม่มีคนไปกินเป็นเพื่อนเลย

พี่แกหัวเราะ
ฮ่าๆ

เราก็เขินๆ นึกในใจอยู่ว่าเรื่องแค่นี้ต้องเดือดร้อนพี่แกด้วยเหรอ

พี่อุ้ยถามว่าอยากได้อะไรไหม
แนนอยากได้ของหลายอย่างจัด นึกไม่ออก
(อารมณ์แบบว่า ปกติไม่อยากได้อะไร แต่พอมีคนถามว่าอยากได้อะไรไหมจะซื้อไปฝาก –เนี่ยๆ แบบเนี้ยทำให้เราพยายามนึกหัวแทบแตก)

ไม่อยากได้อะไร
อยากกินไอติมกับพี่อุ้ย

วางสายปุ๊บ เหงาปั๊บ

ยิ่งพอเพื่อนเราในเว็บบอร์ดพิมพ์อะไรบางอย่างออกมา
ที่ความหมายคล้ายๆ ว่า ถึงมีเราอยู่ก็ไม่ส่งผลให้อะไรดีขึ้น
อารมณ์เราหลังจากอ่านประโยคนั้นก็เลยยิ่งแย่
เข้าใจว่าจะทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ไปด้วย กลัวว่าใครต่อใครจะเกลียดเรา
ก็เลยเฟดออกมา เปลี่ยนเรื่องไปซะ ไม่พูดถึงมัน

แต่เชื่อไหมตอนนั้น เราน้ำตาไหล
.

——————————————————————————

.
เข้าใจว่าไอ้เรื่องอย่างนี้เป็นความจุกจิกยิบย่อยมากในชีวิต
คนอื่นที่อายุเท่าเราป่านนี้เค้าคุยเรื่องการเมือง ติดตามความเป็นไปของประเทศ สนทนาปรัชญาการใช้ชีวิต
ใฝ่หาความรู้รอบด้าน มองสิ่งรอบตัวแล้วคิดวิเคราะห์กันไปถึงไหนต่อไหน

แต่เราเองไม่โตพอจะปล่อยมันไปง่ายๆ
ความเป็นผู้ใหญ่ในตัวเราจะหายไปเสมอถ้าเป็นเรื่องความเหงา ความรู้สึกว้าเหว่

พยายามเข้าใจหลายหน พยายามจริงนะ ไม่ใช่สักแต่พูดหรือพิมพ์
คิดอยู่ว่าทำไมนะ เราไม่ดีอย่างใครๆ ทำไมเราไม่ตัดเรื่องจิ๊บๆ พวกนี้ออกไป เก็บมาเป็นสาระทำไม
พอเข้าสู่โหมดทำความเข้าใจตัวเอง ก็พยายามบอกตัวเองว่าเราก็มีดี เราทำได้
แต่ไม่ค่อยสำเร็จ

การโตเป็นผู้ใหญ่แค่อายุอย่างที่เราเป็นอยู่
จะส่งผลแย่ต่อชีวิตเราแค่ไหนกัน
เราเองก็อยากจะรู้

พิมพ์แล้วเซฟเก็บไว้
อีก 10 กลับมาอ่านใหม่
เมื่อนั้นคงได้คำตอบ
.

(นี่แปลว่ากำลังจำนนต่อตัวเองเหรอ?)

Categories
Mumble

ความเศร้าอันแสนสุข

ความเศร้าอันแสนสุข
หรือความสุขอันแสนเศร้า
หรือความเศร้าอันแสนเศร้า?
.

ความผูกพันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ไม่รู้
รู้ตัวอีกทีตอนที่จะต้องห่างกันไปไกล
—ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย

ความผูกพันสำหรับเราคือเรื่องอันตราย
ผูกพันมาก เอาความรู้สึกไปผูกติดกับคนอื่นมาก เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง ผลคืออารมณ์เปลี่ยนไป ส่วนใหญ่ไปในทางไม่ดี
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เรารับรู้และสะท้อนกลับหมด มาดีไปดี มาฉุนเฉียวเราฉุนขาด ร่าเริง เศร้า เซ็ง อารมณ์แบบไหนก็ตามถ้าเราจับสัมผัสได้ เราสะท้อนรุนแรง

ทางแก้ไขน่ะหรือ
นอกจากเราต้องควบคุมตัวเองไม่ให้เอาอารมณ์ความรู้สึกไปผูกกับใครมากเกิน
อีกทางคือ ถ้ารู้ตัวว่าว่าไปผูกกับคนไหนไว้ แกะออกมา

เราไม่ควรสนิทกัน แม้ว่าแท้ที่จริงเราจะสนิทกัน เราก็ต้องไม่สนิทกัน
เราไม่กล้าสนิทกับใคร
สนิทมาก เจ็บปวดมาก
ไม่ได้เป็นแค่เราคนเดียว คนอื่นรอบตัวก็เจ็บปวดเพราะได้รับผลกระทบทางอารมณ์ที่เราขว้างออกไป
ทั้งที่ดี และร้าย…

“พี่ยังไม่กล้าสนิทกับน้องแนนเลย”
พี่รู้ว่าพี่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ของน้องแนน –มาก

“ไม่เป็นไรหรอก เราเองก็ไม่กล้าสนิทเหมือนกัน”

จนกว่าวันที่เราปรับตัวเองได้ ไม่รู้จะมีไหม
วันนั้นเราจะสนิทกันอีกนะพี่ชาย
เสียใจที่ต้องเป็นแบบนี้ แต่น้อยที่สุดเราก็รับรู้ได้ว่าความผูกพันนั้นมีความหมาย
อาจไม่มีความหมายกับพี่ชายมาก
แค่มีความหมายกับเราคนเดียวก็พอ

.

(ใครเผลอมาอ่านแล้วงง ขอโทษอย่างยิ่งค่ะ)

Categories
Poem

อารมณ์แนน-Can[not]to

เขียนยาวแล้วเยิ่นเย้อ ความรู้สึกซ้ำซากจำเจที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ บันทึกอีกก็ซ้ำกับของเดิมอีก
ไหนๆ ก็เหงาหงอย ไหนๆ ก็ง่วงเพลีย ไหนๆ ก็บ้าถ่างตาไม่ยอมนอน แต่ดันขี้เกียจแบบนี้
แปะแคนโต้(นอกคอก)แทน นึกคำไหนออกก็ใส่ๆ เข้าไป
ถ้าใครเผลออ่านแล้วขัดใจต้องขออภัยด้วย

อารมณ์แนน-แคนโต้

มาเร็ว
ไปช้า
ความเหงา

มาช้า
ไปช้า
น้ำตา

อยู่กับเรา
ตลอดเวลา
ความโดดเดี่ยว

มาเมื่อไหร่
ไม่อยากให้ไป
ความสุข

แยกไม่ออก
เราหรือเรา
ความขี้เกียจ

อยากมี
และไม่อยากมี
ความรัก

มาไม่บอก
ไปก็รู้
ความตาย

โลกสดใส
คนอารมณ์ดี
รอยยิ้ม

อยากยิ้ม
ยิ้มสิ
วันนี้ยิ้มคนเดียว

เหงาไม่เป็นไร
ความสุขเล็กๆ หาได้
ปลอบใจตัวเอง.

Categories
Mumble

สารภาพบาป

พี่มะเดี่ยวเลี้ยงปลาทะเลไว้ตู้นึง
มีปลาการ์ตูน ปลาทูทอง ปลาชื่อไม่คุ้นอีกสองสามอย่างมั้ง
ละก็มีกุ้งแอน กุ้งมังกรตัวไม่ใหญ่มาก ปลาดาว แล้วก็ปลาที่คล้ายๆ เม่นตัวเล็ก

ตู้ปลาทะเลมีสายระโยงระยาง มีสวิตซ์เปิด-ปิดหลายอัน ทั้งหมดนั้นรวมถึงสวิตซ์ไฟ สวิตซ์ออกซิเจน
สวิตซ์ออกซิเจนจะเปิดไว้ตลอด
สวิตซ์ไฟจะเปิดเฉพาะตอนกลางคืน

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอยู่ออฟฟิศคนเดียว (ออฟฟิศแนน หลัง 6 โมงเย็นจะเป็นบ้าน) คนอื่นไปค่ายที่ระยองกันหมด
ปกติแนนไม่ค่อยได้ดูแลสัตว์อะไรเท่าไหร่ เป็นคนไม่รักสัตว์เยอะๆ
ปลานี่ก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจ เพราะมีคนดูแลอยู่แล้ว (พี่มะเดี่ยวดูแลดีจะตาย)
แต่ทีนี้ไม่มีใครอยู่ แนนเลยมีหน้าที่ให้อาหารปลาโดยอัตโนมัติ

ตอนเย็น (7พฤศจิ) เอาอาหารปลาโปรยๆ ในตู้ ทุกตัวแย่งกันกินเยอะๆ สงสัยตอนเช้าให้น้อยไปหน่อย
ก่อนนอนออกมาปิดไฟตู้ปลาหน้าบ้าน กะว่าให้ปลานอนหลับสบายๆ
เช้าวันเสาร์เอาอาหารให้ปลาอีก เห็นมันว่ายน้ำช้าๆ ก็คิดว่ามันคงยังไม่ค่อยหิว
ตกเย็นจะออกไปหาพี่โบว์พี่แอน (เตรียมงานแต่งรอบญาติ-ผู้ใหญ่) เลยจะให้อาหารปลาก่อนออกจากบ้าน
.
.
.
.
ปรากฏว่าทุกตัวตายหมด
.
.
.
งงมาก
.
.
.
.
.
.
.
รู้ตัวอีกที เราปิดสวิตซ์ผิดนี่หว่า
จะปิดไฟอย่างเดียว แต่ดันปิดทั้งไฟทั้งออกซิเจน
ตอนนั้นไม่มีสติ ทำอะไรไม่ถูก
สรุปคือ หาสวิตซ์ออกซิเจนแล้วเปิดใหม่ทันที
(เปิดทำด๋อยไร ปลามันตายหมดแล้วเว้ย)
ออกจากบ้านแบบงงๆ

ขึ้นแท็กซี่ก็ยังคิดถึงปลาทั้งตู้ นั่งพึมพำตลอดทาง

เจอหน้าพี่แอนพี่โบว์ก็ยังทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะทำไง
แว้บนึงคิดหาทางบอกพี่มะเดี่ยว จิตใจฝ่ายกลัวความผิดบอกว่า “โกหกไปเลย บอกไปว่าไฟดับ”
แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ ลังเลไปมา เอาไงดีวะ

ตั้งสติได้หน่อยนึง เล่าให้พี่โบว์พี่แอนฟัง น้ำตาไหลสะอึกสะอื้นสงสารปลา
นึกขำปนสมเพชตัวเอง แม่งทำอะไรไม่ดูให้ดี ผลเสียครั้งนี้กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้เลย
คุยกับพี่โบว์พี่แอนพักนึง พี่แอนย้ำว่า ยังไงก็ต้องบอกพี่มะเดี่ยวให้เร็วที่สุด
คืนนั้นค้างบ้านพี่โบว์ที่ปทุมฯ หาทางติดต่อพี่มะเดี่ยวอยู่นาน

สุดท้ายก็ได้บอกขอโทษและเล่าเรื่องให้ฟัง

พี่มะเดี่ยวนิ่งมาก บอกไม่เป็นไรเลย ไว้น้องแนนเลี้ยงข้าวพี่ละกัน
เราเลยยิ่งเสียใจ (อยากให้ด่ามากกว่า) เริ่มสะอื้นๆ
พี่มะเดี่ยวอึกอัก ทำอะไรไม่ถูก บอก “น้องแนนพี่ทำไม่เป็น”
คือ ปลอบหรือพูดอะไรอ่อนโยนๆ ไม่ค่อยถูก
ได้แต่พูดซ้ำๆ “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร…”
กำชับให้แนนเอาปลาทุกตัวออกมาจากตู้ด้วย เดี๋ยวจะเน่า
วางสายโทรศัพท์แบบเศร้าโคตร
.
.
เฮ่อ…
.
.
ไว้มีตังค์แนนจะพาพี่มะเดี่ยวไปเดินจตุจักร หาซื้อปลาทีละตัว
(ทั้งตู้นั้นสิบกว่าตัวได้มั้ง ราคาทุกตัวรวมกันคงเฉียดหมื่น)

เฮ่อ…
ทำอะไรไม่ดูให้ดีก็เป็นแบบนี้
.
.
ขอโทษนะคะ
ทั้งคุณปลา คุณดาว คุณกุ้ง
ขอโทษพี่มะเดี่ยวด้วย