Categories
Reminder

Could you let it be?

ความสามารถพิเศษของเราคือ
คิดมากในเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องคิด
แอบรู้สึกอย่างโน้นอย่างนี้กับใครได้มากมายโดยที่เจ้าตัวไม่เคยรู้
เช่น งอนคนที่แอบชอบ, เคืองคนที่แอบชอบ, ดีใจกับคนที่แอบชอบ
จนหายงอน หายเคือง หายดีใจ
แล้วเค้ารู้ตัวไหม?

ไม่เลย ไม่เคยรู้!

(อ๊ะ.. เหมือนว่าความรู้สึกจุกจิกแทบทุกอย่างเกิดบ่อยกับคนที่แอบชอบ -*-)

.

และอีกอย่าง
เราชอบเถียงกับตัวเอง
เถียงได้จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยอมจำนน

แต่ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหนนั้นไม่รู้
ไม่เคยมานั่งจำแนก
(แค่ไอ้ความสามารถทั้งปวงข้างบนนั่นก็คร่าเวลาชีวิตเราไปเกือบครึ่ง)

.

วันนี้ก็เถียง
แบบฝ่ายหนึ่งคิดเยอะ คิดมาก
แน่นอนว่ามันไม่จำเป็นต้องคิด
แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่เจ้าตัว (ผู้เกี่ยวข้องในความคิด) ไม่รู้

คิดจนเศร้า เหงา เซ็ง ถอนหายใจ
สารพัดอาการหน่ายโลกเอาออกมาใส่ตัวให้หมด

.

แล้วอีกฝ่ายหนึ่งก็ออกมาปราม
(เป็นฝ่ายเรียนรู้และเข้าใจโลก พยายามวางตัวให้รู้เท่าทันสิ่งที่คิดและรู้สึกอยู่เสมอ)

มีเรื่องที่เราไม่เข้าใจหลายอย่าง.. ถ้าวันนี้ปล่อยให้มันเป็นไป
พรุ่งนี้เราอาจจะไม่อยากเข้าใจ หรืออาจไม่จำเป็นต้องเข้าใจมันแล้วก็ได้…

มีเรื่องเศร้าเกิดขึ้นหลายเรื่อง ถ้าวันนี้เราปล่อยให้ตัวเองเศร้าไป
พรุ่งนี้เราอาจเข้าใจมันได้ และไม่มองว่ามันเป็นเรื่องเศร้าอีก…

ทั้งหมดนั้นเราเรียกมันเป็นประโยคสั้นๆ ว่า “Let it be” ได้ไหม?

.

โดนเบรกด้วยความ(พยายาม)เข้าใจโลกแบบนี้
มีหรือที่ฝ่ายช่างรู้สึกจะดื้อรั้น(ด้าน)อยู่

เราจึงจำเป็นต้องหยุดคิดมากด้วยประการทั้งปวง.
(แต่ก็ไม่วายฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อและแสดงออกผ่านเพลงที่ฟัง)

.

.

เอ้อ… สิ่งที่เราทั้งตัวเห็นตรงกันคือ
เราว่าการปล่อยให้ตัวเองเศร้าสักระยะ
ก็เป็นการให้เวลาในการทำความเข้าใจ และเป็นการบำบัดตัวเองอย่างหนึ่งนะ

Categories
Reminder

How lucky i am :)

เคยรู้สึกไหมว่าตัวเราช่างโชคดี
นอกจากจะไม่มีปัญหาทางร่างกายอะไรมาก
แล้วพอมีปัญหาหลายเรื่องรอบชีวิต
เราก็ยังมีใครต่อใครหันมายื่นสิ่งดีๆ ให้เสมอ

สิ่งดีเหล่านั้นไม่เคยจำกัดรูปแบบ
แววตา คำพูด ตัวหนังสือปลอบโยน เสียงเพลง อาหาร
ความช่วยเหลือเท่าที่ความสะดวกเอื้ออำนวย
ฯลฯ

เรารู้สึกแบบนั้นเสมอ

มีหลายครั้งไม่รู้จะบอกกล่าวเรื่องเศร้ากับใคร
แต่ที่บ่อยกว่าคือความรู้สึกว่าตัวเองโชคดี

อย่างเช่นวันที่ผ่านมา
เราหมดพลังกับเรื่องน่าเซ็ง
งานที่เร่งรีบรออยู่
เรากลับทิ้งตัวเองไปกับอารมณ์แย่ๆ จนพักใหญ่ๆ
สุดท้ายก็ต้องทำงานตามคำสั่ง ทั้งที่ไม่อยากซักนิด

เราทักทายเพื่อนที่หายไปนาน

hi, long time no see.
i will let you be here.
on my cheek, on my face.
i will let you drop as long as you want,

my tears

เพื่อน (บ้าๆ) คนหนึ่งตอบกลับมา

hi, you again my friend
like melody that unchanged
same melody, same lyrics
i dare you to listen a song of nature,

my dear friend

So dark in here
I’m cold and alone
what happen with my phone
hundred day, lonely day, sadly day,

do you get my sms away?

(บทหลังนี่เราเข้าใจว่ามันเพ้อถึงหนังไทยเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับ 4 แยก)

อีกคนหนึ่งตามมา

แนน

เอ

เป็นอะไร

หายไวไว

และอีกหลายสิ่งดีจากคนจำนวนมากก็ตามมา
ตั้งแต่บ่ายจรดค่ำ
แล้วแบบนี้เราจะเศร้าอยู่นานได้ยังไง

My life as a bright sound.
Plenty of good people around.
I shouldn’t let myself in a cloud.

At least right now.

แทนคำขอบคุณสำหรับทุกคนในวันนี้
รวมไปถึงทุกคนในอดีตที่มีส่วนในรอยยิ้มปนคราบน้ำตาของเรา
คุณทำให้เรารู้สึกโชคดีจริงๆ

Categories
Mumble

เสียงข้างในจิตใจ

เราเกลียดคุณแล้ว

คุณเปลี่ยนแปลงอะไรที่เราคิดว่าดี
คุณทำร้ายสิ่งที่เราตั้งใจทำ
คุณจำกัดขอบเขตความคิดการแสดงออกของเรา
คุณสร้างกรอบให้สิ่งที่เราทำด้วยคำสั้นๆ คำนั้นเสมอ

การเปลี่ยนแปลงจากคุณมักมาถึงเราในตอนท้าย
ทั้งที่มีเวลาช่วงกว้างๆ ตั้งนาน
คุณกลับมาเปลี่ยนในช่วงก่อนเส้นตาย
ด้วยเหตุผลคำสั้นคำนั้นคำเดิม

เราไม่จำเป็นต้องฟังคุณจนเข้าใจ
เราแค่ทำตามที่คุณอยากได้เท่านั้นก็พอ.. ใช่ไหม

ตกลงว่าเราร่วมงานเป็นเพื่อนร่วมงานเท่านั้น
ความรู้สึกดีที่เคยมีมันหล่นหายไปตามทาง
เราจะตามไปเก็บมันได้ที่ไหน
หรือที่จริงปล่อยมันไป เราไม่ควรไปตามหา
เพราะพอเดินกลับมา มันก็จะหล่นหายไปอีกอยู่ดี

ความรู้สึกแบบนี้ของเรา
เรารู้มันผิด
เพราะคุณควรจะมีสิทธิมีอำนาจเต็มที่ในการกำหนด
ให้ทุกเรื่องเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ
เพราะวันนี้ส่วนหนึ่งเราทำงานได้เพราะคุณ

แต่ถ้าทุกอย่าง “ต้อง” เป็นอย่างนั้นอย่างนี้
เราจะทำงานไปเพื่ออะไร
อย่างนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องคิด ไม่ต้องออกแบบสิ่งที่เราอยากทำ
แค่ไปรอรับสิ่งนั้นจากคุณแล้วทำตามก็พอ… ไม่ใช่เหรอ

การอยู่แบบพึ่งพา ทำร้ายคนที่ด้อยกว่าเสมอไปหรือเปล่า
วันนี้เรารู้สึกอย่างนั้น

Categories
Mumble

คุ้มค่าเหนื่อย

เหมือนทำงานไม่เสร็จอยู่ตลอดเวลา
ทำหลายอย่างไล่ๆ กัน
ทำไปทำมาก็ยุ่งพันกันไปหมด

ไอ้โน่นเข้า ไอ้นี่แทรก
โดนตัดหน้างานหนึ่งด้วยงานสอง
งานสองจุดห้าตัดหน้างานสาม

เจอแบบนี้เลยวุ่นวาย
ไม่ใช่มาบ่น
มาบันทึกสถานการณ์ไว้ =)
ว่าเรื่องคล้ายๆ อย่างนี้ถ้าเกิดขึ้น
ช่วงแรกเราจะแอ็กทีฟมาก
กระตือรือร้น ทำๆๆ

แต่พอหัวหมุนหลายๆ ทางเข้า
เราจะล้า

พอล้าแล้วจะมีอารมณ์เหนื่อย
แล้วจะนิ่ง

เห็นไหมว่าการไม่จัดลำดับงาน
สุดท้ายก็ให้โทษกับตัวเอง

สำหรับตอนนี้ เหนื่อย-จัง-แฮะ
ไม่ได้ทำอะไรเยอะเท่าไหร่
แต่ด้วยความวุ่นวายข้างบน มันส่งผลเร็วเหลือเกิน

.

…นี่แปลว่าเรายังได้ใช้ชีวิตใช่ไหม…

.

เป็นคนก็ดีแบบนี้แหละ
จะเหนื่อยจะแย่ยังไงก็ยังได้อีกสิ่งกลับมาเสมอ

เราขอเรียกสิ่งนี้ว่า ความคุ้มค่า.

.

.

.

ป.ล.
ยังไงก็ตาม…
ใครอะไรที่ไหนก็ได้
ถ้ายังพอมีอยู่บ้าง แบ่งพลังของคุณมาให้เราหน่อยได้ไหม
เราอยากกลับไปสู้ต่อได้เร็วๆ

ขอบคุณล่วงหน้าจ้ะ =)

Categories
Mumble

Be what you want to be

เป็นอะไรก็เป็นไป
เป็นอย่างที่ใจอยากเป็น

ถ้าไม่รู้ว่าใจอยากเป็นอะไร
ก็เป็นอย่างที่เป็นแล้วรู้สึกดี

ถ้าไม่รู้ว่ารู้สึกดีเป็นยังไง
ก็เป็นอย่างที่เป็นแล้วยิ้มได้

ถ้าไม่รู้ว่าเป็นแล้วยิ้มได้เป็นยังไง
ก็ให้เป็นอย่างที่…

โว้ว!
จะเป็นอะไรก็เป็นไปเหอะ
จะอึดอัดจะสนุกจะสดใสสบายใจหรือต้องร้องไห้ทุกวัน
แต่ถ้ายังอยากเป็นแบบนั้นอยู่ ยังไปไหนไม่ได้
ยังไม่สนใจจะเป็นอะไรอย่างอื่น
ก็เป็นไป

——————————————-

นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะน้องสาว
แต่ก่อนสนิทกับน้องชายเพราะโตมาด้วยกันแบบเพื่อน
เดี๋ยวนี้ห่างไปด้วยปัจจัยอะไรไม่รู้
(ขี้เกียจพยายามหาสาเหตุ ก็ปล่อยให้มันเป็นไป)

กลับมาเรื่องเก่า
รู้สึกว่าน้องสาวรักเรามาก มากกว่าที่เรารักเค้าซะอีก
ไม่ว่าเราจะเป็นยังไง ทำอะไร ผิดคำพูดกี่หน
น้องสาวจะเข้าใจเราเสมอ (หรืออย่างน้อยก็ทำให้เรารู้สึกว่าเค้าเข้าใจ)

เราว่าเราเป็นพี่ที่แย่ ถึงแย่มาก
น้องเราก็ยังแสดงออกว่ารักและคิดถึงตลอดไม่เปลี่ยน
เป็นแบบนี้มานาน… แล้วเราเปลี่ยนไปมั้ย เราทำตัวดีขึ้นมั้ย…
ก็เปล่า

เออ น้องมันยังทนได้เนาะ

จบเรื่องน้องดีพี่เลว (ฮ่าๆ)

อยู่มาวันหนึ่งน้องเราเป็นตัวของตัวเอง
แต่งตัวแนวอีโมร็อกหน่อยๆ
ที่ว่าหน่อยก็คือ มักจะใส่ยีนส์หรือขาสามส่วนกับเสื้อดำตราห่าน
ไม่มากกว่านี้ละ

อีกหน่อยคือ ตัดผมซอยกึ่งสั้นกึ่งยาว ทำสีผมทองทั้งหัว เซ็ตผมตั้งๆ
ทำมาก่อนแล้วค่อยบอกเตี่ยแม่
ทั้งที่ที่บ้านค่อนข้างหัวโบราณนะ
แต่น้องสาวแค่โดนบ่นๆ ขำๆ นิดเดียว ก็มันแก้อะไรไม่ได้แล้ว (นับเป็นวิธีที่ดี)

พอเป็นแบบนั้น แล้วเจ้าตัวผิวขาว ถึงจะอวบ ตัวใหญ่
แต่ก็มีสาวดี้มาชอบ ขอเบอร์ โทรมาคุยด้วยแก้เหงา
นับเป็นลูกที่ประสบความสำเร็จด้านเสน่ห์อย่างมาก
(เปลี่ยนเป็นอย่างมากที่สุดเมื่อเทียบกับพี่มัน!)

แรกๆ ก็อึกอัก เปล่านะหนูชอบผู้ชาย
ต่อมา …เค้าโทรมาก็คุยกะเค้าหน่อย แต่ที่จริงก็รำคาญแหละ …หนูชอบผู้ชาย

วันนึง หลังย้ายจากบ้านที่ศรีราชามาเรียนในกรุงเทพฯ มีพี่ทอมมาจีบ
ก็บอกไม่มีอะไร คุยด้วยเฉยๆ
สักพักออกไปกินข้าวด้วย มีคุยเขินๆ
เล่าให้เราฟังบ่อยขึ้น
เอ้อ แบบนี้พี่มันก็งงสิ

ให้คำแนะนำผิดๆ ถูกๆ อยู่พักนึง
มาหายงงวันที่เค้าบอกว่าเป็นแฟนกันแล้วนั่นแหละ

ตกลงน้องเราไม่ใช่ทอมนะว้อย
เป็นดี้ต่างหาก!

สาวๆ ที่มาจีบนั้นล้วนเข้าใจผิด มาผิดทาง
ดี้มาจีบดี้ มันจะเป็นไปได้ไงใช่มะ
ต้องพี่ทอมคนล่าสุดนี่ มาถูกทาง ฮ่าๆ

เราก็ไม่อะไร
คิดอยู่หน่อยๆ ว่า ถ้าเป็นคนอื่นมีน้อง เค้าจะต้องรู้สึกยังไง
แต่สำหรับเรามันธรรมดามาก
น้องเราจะเป็นแบบไหนก็ได้ อย่างที่เค้าอยากเป็น
เค้าจะบอกเราทุกเรื่องหรือไม่ก็ได้
เราเชื่อว่าต่างคนต่างมีเรื่องสำหรับคุยกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ไม่ว่าเราจะบ่นจะเตือนหรืออะไร
แต่เรามันใจว่าเราไม่เคยบอกให้น้องเราเลิกทำแบบนั้นแบบนี้
เป็นสิทธิส่วนตัวที่เราคิดว่าทุกคนควรได้ไปเต็มที่
ตัวเราเองก็ต้องการแบบนั้น

จบห้วนๆ.

ป.ล.
ถ้าน้องนิว (นามสมมติ) มาอ่าน
พี่แนน (นามสมมติ) ไม่ได้ตั้งใจเอาเรื่องหนูมาประจาน
แต่เอามาเป็นกรณีศึกษาเรื่องแนวคิดการใช้ชีวิตเน้อ
(ก็แก้ตัวกันไป ฮ่าๆ)